posttoday

เผ่ากินคนยุคดิจิทัล

13 กุมภาพันธ์ 2561

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พูดชัดเจนต้องมีการควบคุมเงินสกุลดิจิทัล

โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พูดชัดเจนต้องมีการควบคุมเงินสกุลดิจิทัล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการเป็นวิทยากรในงานฉลองครบรอบ 15 ปี หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

นอกจากนั้น อภิศักดิ์ ยังกล่าวเตือนให้ระวังความโลภจากการเข้าไปลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล รวมถึงพึงตระหนักว่าวิกฤตหลายๆ ครั้งก็เกิดจากต้นเหตุเดียวกันคือความโลภ อาทิ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ (Subprime Mortgage Crisis) ในช่วงปี พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551

ตัวอย่างที่ตำตาก็คือ บิตคอยน์ ต้นตระกูลเงินดิจิทัล ราคาลดต่ำจากระดับ 2 หมื่นเหรียญ เหลือเพียง 8,000 เหรียญเศษๆ ใครเข้าไปลงทุนเห็นทีจะเจ็บหนัก ตกเป็นเหยื่อแห่งความโลภ กลายเป็นแมลงเม่าดิจิทัลโดยไม่รู้ตัว

สารพัดคำโฆษณา สารพัดข้อมูลที่แสดงให้เห็นแต่ด้านเดียว คือการได้กำไร เป็นสิ่งเย้ายวนใจให้เข้าไปหากองเพลิงดิจิทัล

และดูเหมือนมหกรรมล่อแมลงเม่าเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างเมื่อปี 2560 สตีฟ วอซเนียก- Steve Wozniak ผู้ที่ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล บริษัทชื่อดังระดับโลก กล่าวว่า บิตคอยน์ดีกว่าทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐเสียอีก

ความเห็นของวอซเนียกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก โดยบอกว่า บิตคอยน์ มีเสถียรภาพมากกว่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากมีปริมาณที่จำกัด ขณะที่เงินดอลลาร์จะพิมพ์ออกมาเท่าใดก็ได้ ทำให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ของแท้ และจะมีมูลค่าสูงขึ้น

เมื่อเทียบกับการลงทุนในทองคำ แม้ทองคำจะมีจำนวนจำกัดเหมือนกัน แต่เทคโนโลยีในด้านการขุดเจาะ การทำเหมืองทองคำนั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้สินทรัพย์อย่างทองคำนั้นอาจมีวันหมดได้เร็วขึ้น

บิตคอยน์จึงดูดีกว่าทองคำ เพราะมีความเป็นคณิตศาสตร์มากกว่า ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงได้

ฟังแล้วเห็นทีจะมีเม่าน้อย เม่าใหญ่ ขนเงินไปลงบิตคอยน์

ถัดจากนั้นก็มีบทวิเคราะห์ทำนองราคาบิตคอยน์ในปี 2561 อาจปรับเพิ่มสูงถึง 5 หมื่น-1 แสนดอลลาร์ 

แต่สุดท้ายเงินดิจิทัลตัวพ่อก็ร่วงลงมาแบบคอหัก

และเมื่อต้นปีนี้ วอซเนียก ก็มาบอกอีกครั้งว่า ได้ขายบิตคอยน์ไปหมดแล้ว หลังจากที่เข้าไปซื้อมาราคา 700 ดอลลาร์/บิตคอยน์ ภายใต้เหตุผลราคาขึ้นสูงไปมาก และไม่อยากกังวล

ไม่มีใครรู้ว่า ราคาที่ขายไปคือเท่าใด แต่ที่ประเมินกัน วอซเนียกน่าจะทำกำไรไม่ต่ำกว่า 10 เท่าตัว

นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ในหลากเรื่องราว

นับตั้งแต่โลกนี้ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็กเสมอ

ขณะเดียวกัน อย่าได้เชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใด เคยเป็นอะไร เพราะระหว่างที่กำลังพูดอยู่นั้น พวกนั้นอาจทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเสมอ โดยเฉพาะในโลกแห่งทุน การสร้างความโลภเพื่อหวังผลล่อแมลงเม่า

ใครที่ดูดี มีความรู้ มีประวัติที่ดี หรือเป็นกิจการที่ดูดี

ระวังเถอะ อย่าหลงเชื่อ เพราะอาจเจอเผ่าคนกินคนแฝงตัวอยู่

พวกนี้เมื่อตั้งโต๊ะกินแล้ว จะกินหมดทั้งตัว ไม่เหลือแม้เศษกระดูก