posttoday

ปีที่ไร้คลิปรุนแรง

01 มกราคม 2561

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นคลิปเหตุทะเลาะวิวาท การใช้ความรุนแรงต่อกันถี่ขึ้น

โดย...กาคาบข่าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นคลิปเหตุทะเลาะวิวาท การใช้ความรุนแรงต่อกันถี่ขึ้น โดยเฉพาะช่องทางเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น แทบกล่าวได้ว่ามีให้เห็นเกือบทุกวัน และผู้ก่อเหตุที่ปรากฏในคลิปที่เห็นๆ นั้น มีเกือบทุกเพศทุกวัย

แน่นอนว่า กรณีที่กล่าวมามีข้อสังเกตและคำอธิบาย ว่าอาจจะเป็นเพราะความล้ำสมัยของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง บันดาลให้สังคมยุคใหม่ ซึ่งมีอุปกรณ์บันทึกเหตุการณ์อยู่ในมือได้อย่างทันทีทันควัน เจอเหตุการณ์อะไรซึ่งหน้า ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายไว้ หรือกระทั่งไลฟ์สดก็ยังได้ และพร้อมจะเผยแพร่สิ่งที่บันทึกได้ให้สาธารณะได้รับรู้โดยไม่จำกัดเวลา สถานที่

เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ทุกๆ วันที่ผ่านมาจะพบเห็นเหตุรุนแรงจากสื่อได้มากขึ้น

แม้เราจะเชื่อว่าคำอธิบายที่กล่าวมามีส่วนถูก แต่ใครจะกล้ายืนยันว่า ความรุนแรงที่เราประสบอยู่นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่อนุมานกัน

ไม่นานมานี้ ข่าวการกระทำความรุนแรงต่อกันหลายๆ ข่าว อย่างคู่รักที่รักคุด ที่สุดก็กลายเป็นก่อเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ข่าวสามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะวิวาทกันบริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านถนนนนทบุรี 1 ระหว่างมาส่งลูกเข้าโรงเรียน พ่อบันดาลโทสะยิงแม่บาดเจ็บสาหัส และยิงตัวเองเสียชีวิตต่อหน้าลูก ยังไม่นับสารพัดเหตุวิวาทกันจนถึงเลือดตกยางออก หรือกระทั่งมีผู้เสียชีวิตจากเงื่อนปัญหาเพียงเล็กน้อย

เหตุซ้ำซากทำนองนี้ ก่อให้เกิดคำถามว่า สติที่ใช้ระงับความรุนแรง ความอดทนต่อการถูกยั่วยุ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ยึดตนเองเป็นใหญ่ จนหลงลืมการอยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย

บางครั้งก็ปล่อยให้โทสะบดบังสายตาจนมืดบอด มองไม่เห็นกระทั่งความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพครอบครัวที่เคยมี พังครืนลงได้ในไม่กี่นาที

ทำไมบางคนจึงไม่สามารถให้ความสำคัญกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากกว่าวัตถุ ซึ่งหาใหม่ หามาทดแทนได้ ทั้งหมดหายไปไหน หรือหายวับไปได้ง่ายขึ้นทุกที

ทำไมศาสนา ปรัชญาในการดำรงชีวิตร่วมกันของเราจึงล้มเหลวลงทุกที คำตอบในเรื่องนี้ที่พอหาได้ในเครื่องมืออย่างโลกออนไลน์ที่เรามองว่ารวดเร็วทันใจก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรนัก ใครที่ลองพิมพ์ในเสิร์จ เอนจิ้นชื่อดังว่า "ทางออกความรุนแรง" ก็จะพบคำตอบที่แสนซ้ำซาก ซึ่งจะว่าไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ด้วยซ้ำไป

ดูเหมือนว่าเครื่องมือเดียวที่เราใช้ควบคุมความรุนแรงอยู่ในปัจจุบัน ก็คือ กฎหมาย และคลิปต่างๆ จากกล้องนั่นเองกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายสิ่งที่เกิดขึ้น อาชญากรรมความรุนแรงหลายเรื่องจับกุมผู้ก่อเหตุได้เพราะกล้องบันทึกภาพในจุดต่างๆ กล้องหน้ารถ กล้องวงจรปิด

ในยุคที่หลายคนเลิกหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โยนศาสนา โยนปรัชญาในการดำรงชีวิตทิ้ง หรือเอาไปซุกไว้ในที่ที่เอื้อมไม่ถึง ก็อย่าหลงลืมไปว่า ปัจจุบันนี้ทุกพื้นที่นั้นหลุดรอดไปจากสายตาของกล้องบันทึกภาพได้ยากเต็มที โทสะอาจจะจบลงในคุกหรือแย่กว่านั้น

คงดีไม่น้อยที่ปีใหม่มาถึง พร้อมกับช่วงเวลาที่เราทั้งหลายตระหนักเรื่องการใช้ชีวิตมากขึ้น หาเวลาตั้งสติค้นหาความหมายที่แท้จริง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวันใหม่ๆ ที่จะเวียนมาถึง เป็นปีที่ไร้คลิปรุนแรง ไม่มีใครต้องกังวลว่ากล้องรายรอบตัวจะจับภาพความรุนแรงได้