posttoday

ถนนแห่งความตาย

03 ธันวาคม 2560

เห็นทิศทางของความทันสมัยอย่างชัดเจนขึ้น เมื่อกองบัญชาการตำรวจนครบาลติดกล้องตรวจจับเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือ “เลนเชนจ์” เพื่อเอาผิดกับพวกจอมปาด เบียด แทรก

โดย...ดาบบุญ

เห็นทิศทางของความทันสมัยอย่างชัดเจนขึ้น เมื่อกองบัญชาการตำรวจนครบาลติดกล้องตรวจจับเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือ “เลนเชนจ์” เพื่อเอาผิดกับพวกจอมปาด เบียด แทรก

กล้องจะบันทึกภาพผู้กระทำผิดและออกใบสั่งไปตามที่อยู่ของเจ้าของรถยนต์ ให้มาจ่ายค่าปรับ ไม่จ่ายก็ไม่ต้องต่อทะเบียน

ทันสมัยนะครับ จะไม่มีตำรวจมาคอยตรวจจับหรือดักให้ท่านๆ ที่ขับขี่รถบนท้องถนนกรุงเทพฯ ต้องตกใจอีกแล้ว

ช่วงนี้ตำรวจก็ประกาศการรับรู้ไปยังประชาชนเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมปฏิบัติจริง จับจริง ปรับจริงอย่างเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค. 2561

ส่วนห้วงเวลานี้จะทดสอบระบบไปก่อนทั้งสิ้น 3 จุด คือ 1.แยกประชานุกูล รัชดาภิเษกขาเข้า ถนนรัชดา 2.แยกยมราช ถนนพิษณุโลกขาออก 3.อุโมงค์ลอดแยกสุทธิสาร ถนนรัชดาภิเษก ก่อนจะปูพรมติดตั้งอีก 14 จุด ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

...ดาบบุญ...เล็งเห็นรูปแบบการบังคับใช้กฎหมายด้วยวิธีการที่เปลี่ยนไปจากเดิมตามนโยบายของ “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช นายใหญ่ตำรวจนครบาล ที่สั่งงดตั้งด่านตรวจจราจร และใช้กล้องที่มีอยู่ในมือจับปรับเอาแทนถือเป็นเรื่องที่ดี

ไม่ต้องแอบซุ่มเรียกจับ คนขับรถก็ตกอกตกใจ ไหนจะชวนทะเลาะกันเสียอีก นี่คงเป็นการเรียกภาพลักษณ์ดีๆ ของตำรวจกลับมา

แต่กระนั้น...ดาบบุญ...มองว่าแม้ตำรวจจะพัฒนาศักยภาพการใช้กล้องบังคับใช้กฎหมายจราจรเหมือนนานาประเทศที่เขาทำกันไปนานแล้ว และเชื่อมั่นว่าตำรวจเจตนาดีต้องการพัฒนา แต่ต้องไม่ลืมว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาก็เกิดจากผู้ใช้รถใช้ถนนอยู่เช่นกัน

นักวิชาการด้านท้องถนน ตำรวจ ก็พูดจนปากเปียกหมดแล้วเรื่องของวินัยบนท้องถนนที่เป็นส่วนสำคัญของความตายหรืออุบัติเหตุ ความมักง่ายที่มักเบียด ปาด แทรก แซงกระชั้น เพื่อให้เร่งรีบไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ผลลัพธ์หลายครั้งไม่ได้ไปถึงที่หมาย แต่ไปจบที่โรงพยาบาลแทน หรือทำให้คนอื่นต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย

ยิ่งเถียงไม่ออกว่าไม่จริง เพราะดาบบุญลองไปค้นข้อมูล ไล่เรียงตามสถิติการเกิดอุบัติเหตุในรอบปี 2560 (พ.ย. 2560) ของทุกพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จัดเก็บไว้โดยศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ พบว่าเกิดขึ้นมากถึงกว่า 4 หมื่นครั้ง และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 532 คน จำนวนนี้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากถึง 523 คน และเกิดจากรถยนต์เพียงแค่ 9 คนเท่านั้น ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุมากที่สุด 3 อันดับ คือ เขตบางขุนเทียน เขตประเวศ และเขตลาดกระบัง

ไม่ใช่เรื่องปกติอีกต่อไป เพราะค่าเฉลี่ยการตายจากท้องถนนเมืองกรุงคือมากกว่าวันละ 2 คน

เป้าหมายการติดกล้องของตำรวจคงไม่ใช่เรื่องค่าปรับหรอกครับ แต่ส่วนสำคัญเชื่อว่าต้องการลดอุบัติเหตุด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ให้คนหลาบจำและไม่กล้าทำผิด และสำคัญคือลดการเจ็บการตายบนท้องถนน

แม้ตำรวจจะพัฒนาระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีมากแค่ไหน แต่ตราบใดที่วินัยบนท้องถนนไม่ได้พัฒนาไปด้วย ถนนกรุงเทพฯ ก็ยังเป็นพื้นที่แห่งความตายอยู่เหมือนเดิม

หากจะเปลี่ยน ต้องเริ่มจากทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ไม่เช่นนั้น ต่อให้ระบบดีแค่ไหน แต่เมื่อความมักง่ายชนะ ก็พังอยู่ดี

สำคัญคือปลายทางที่เป็นจุดหมาย เราไม่ได้ต้องการไปจบที่โรงพยาบาล จริงหรือไม่ครับ

ข่าวล่าสุด

สำนักงานสลากฯ แจ้งออกรางวัลปีใหม่ งวดวันที่ 2 มกราคม 2569