งานนี้ลุงตู่ต้องดูเอง
เป็นเรื่องที่ต้องมาดูแลอย่างจริงจังเสียแล้ว สำหรับการปรับภาษีสรรพสามิตบุหรี่ครั้งหลังสุดเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะผลกระทบตั้งเค้าลางให้เห็น
โดย... ณ กาฬ เลาหะวิไลย
เป็นเรื่องที่ต้องมาดูแลอย่างจริงจังเสียแล้ว สำหรับการปรับภาษีสรรพสามิตบุหรี่ครั้งหลังสุดเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะผลกระทบตั้งเค้าลางให้เห็น
เริ่มต้นเมื่อมีการปรับภาษีบุหรี่ มีข้อมูลออกมานำเสนอทำนองว่า จะไม่กระทบต่อโรงงานยาสูบ ไม่กระทบต่อยอดการจัดเก็บภาษี และคนจะสูบบุหรี่น้อยลง เรียกว่าดีไปหมด
แต่เอาเข้าจริง มันทำท่าจะไม่เป็นอย่างที่เคยบอก
เพราะผลของการปรับภาษีบุหรี่ครั้งนี้ จะทำให้โรงงานยาสูบขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 78 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือ รายได้ที่นำส่งรัฐจะลดน้อยลง
ปีงบประมาณ 2561 มีการตั้งเป้าการเก็บภาษีบุหรี่ไว้ที่ 7.3 หมื่น ล้านบาท แต่สิ่งที่รัฐจะหายไปก็คือกำไรจากโรงงานยาสูบที่จะเป็นศูนย์
เทียบกับปี 2560 เก็บภาษีบุหรี่ได้ 6.8 หมื่นล้านบาท และมีกำไร ส่งคลังอีก 8,000 ล้านบาท หรือรวมกันแล้วเป็นเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท
เท่ากับปีงบประมาณ 2561 เงินที่รัฐได้จากโรงงานยาสูบในรูปของภาษีและเงินกำไรจะลดลง 3,000 ล้านบาท
แล้วใครได้ประโยชน์จากการปรับอัตราภาษีบุหรี่
คำตอบคือบริษัทบุหรี่ต่างชาติ
ทันทีที่มีการปรับภาษีบุหรี่ บริษัทต่างชาติก็อาศัยช่องว่างลดราคาบุหรี่ประกาศลดราคาลงมาจาก 72-90 บาท เหลือซองละ 60 บาท ขณะที่บุหรี่ของโรงงานยาสูบหลบเลี่ยงไม่ได้ต้องขายซองละ 95 บาท
แล้วจะเหลืออะไร คนไทยหันไปสูบบุหรี่ต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
ที่เคยบอกว่าภาษีบุหรี่จะไม่กระทบโรงงานยาสูบ ไม่กระทบการ จัดเก็บภาษี คนสูบบุหรี่จะน้อยลง จึงไม่จริง
ปัญหาที่จะตามมาอีก ก็คือ การเกิดขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อน เพื่อมาแข่งขันกับบุหรี่ในประเทศ ที่ต้นทุนสูงขึ้นจากภาษี
และบรรทัดสุดท้าย แต่ไม่มีการพูดถึงก็คือเกษตรกรที่ปลูกใบยา จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อโรงงานยาสูบขาดทุน ก็ต้องลดภาระในการสนับสนุนค่าใบยาที่ให้ชาวไร่กิโลกรัมละ 22-24 บาท
แล้วชาวไร่ยาสูบจะทนไหวเหรอ
นับดูเอาเถอะมีชาวไร่ยาสูบกว่า 2 หมื่นครัวเรือน และผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการผลิตใบยาอีกกว่า 1 แสนราย ที่จะเดือดร้อนแน่
การประกาศอัตราภาษีบุหรี่ครั้งใหม่ในช่วงแรก ถ้าบอกว่าประเมินผิดพลาด มองตลาดไม่ออก ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามีสัญญาณถึงปัญหาใหญ่ที่จะตามมาแล้ว ไม่แก้ไข ปล่อยให้เกิดความเสียหายขึ้น ก็ต้องถือว่ามีความจงใจ เจตนาที่ชัดเจนจะให้เป็นเช่นนี้ จะแปรความเป็นอย่างอื่นไม่ได้
เป็นการทำลายชาวไร่ ทำลายตลาดบุหรี่ไทย แต่กลับไปอุ้มชูบุหรี่ต่างชาติ
ไม่มีชาติใดในโลกที่ออกกฎหมายทำลายธุรกิจตัวเองอย่างนี้
ชาวสวนยางน้ำตาตก สวนปาล์มน้ำตาไม่มีจะไหล
อย่าปล่อยให้ชาวไร่ยาสูบแห้งตายไปอีกเลย
งานนี้จึงต้องร้องดังๆ ลุงตู่ช่วยด้วย