ลุงตู่อินเตอร์แล้ว
เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเท่ระดับโลกจริงๆ สำหรับการเดินทางของ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเท่ระดับโลกจริงๆ สำหรับการเดินทางของ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไปจับมือเซย์ฮัลโหล กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงทำเนียบขาวประเทศสหรัฐอเมริกาในต้นสัปดาห์นี้
คงจำกันได้ว่า ภายหลังการปฏิวัติเมื่อปี 2557 คำขู่ที่ได้ยินมาก็คือว่า ชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจะไม่ยอมรับ และจะเกิดสารพัดวิธีการตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเงินช่วยเหลือ การไม่ทำมาค้าขาย การไม่มีสัมพันธ์ทางการค้า การทูตอย่างเป็นทางการ
แล้วเป็นอย่างไรล่ะ แม่จำเนียร
ที่สำคัญการเดินทางครั้งนี้ เกิดขึ้นจากคำเชิญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังจากที่มีการโทรศัพท์ฮอตไลน์ พูดคุยกันไป
และก็แปลกจริงหนอ เพราะทั้งๆ ที่มีการออกข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐเชิญลุงตู่ให้บินลัดฟ้าไปหา โดยระหว่างนั้นก็มีการกำหนดวันกันไป กำหนดวันกันมา ยังไม่ลงตัว ก็ดันมีการวิจารณ์ออกมาอีกทำนองว่าสงสัยอเมริกายังไม่อยากต้อนรับ ว่ากันไปนั้น
ปรากฏว่า ลุงตู่ บินปร๋อไปอเมริกา
ตามกำหนดการ ลุงตู่จะพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 2 ต.ค. แบบสองต่อสอง จากนั้นเป็นการหารือเต็มคณะแล้ว ยังมีการเลี้ยงอาหารกลางวันพูดคุยกันต่อ
ทั้งหมดเป็นการแสดงถึงการที่สหรัฐให้ความสนใจคณะของไทย
จากนั้นในช่วงเย็นวันที่ 2 ต.ค. ลุงตู่ จะนำภาคเอกชนของไทยพบปะกับภาคธุรกิจสหรัฐ ระหว่างงานเลี้ยงอาหารเย็น โดยมีสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐ และสภาการค้าสหรัฐ ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ก่อนหน้านี้อย่าลืมว่า ลุงตู่เพิ่งไปจับมือถือแขนกับผู้นำมหาอำนาจต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
การเดินทางไปพบประธานาธิบดีทรัมป์ในคำรบนี้ ก็เท่ากับเป็นการแสดงว่ามหาอำนาจระดับโลก ยอมรับในตัวลุงตู่
ถามว่าการยอมรับเกิดจากอะไร แน่นอนก็คือจากประโยชน์ของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ
สื่อต่างประเทศให้ความสำคัญกับข่าวการเยือนสหรัฐของลุงตู่ รวมถึงวิจารณ์กันสนั่นโลก ตามประสาสื่อตะวันตก
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ วิจารณ์ว่าที่ผู้นำสหรัฐเปลี่ยนท่าที เนื่องจากการที่จีนมีบทบาทสูงขึ้นในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จีนเพิ่มการลงทุน ให้ความช่วยเหลือ สานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ โดยไม่มีข้อแม้ว่าประเทศเหล่านั้นต้องปราศจากปัญหาสิทธิมนุษยชน และยึดประชาธิปไตย
ท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐจึงเปลี่ยนไป พร้อมสานสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น
ดังนั้น ทุกประเทศในโลก จึงมองกันที่ประโยชน์ของตัวเอง ใครไปเพ้อเจ้อกับเรื่องอื่นเห็นทีจะผิดยุค ผิดสมัย
เลิกเถอะ เลิกได้แล้ว ประเภทชอบชักศึกเข้าบ้าน
และหวังแค่จะโค่นล้มกันตะพึดตะพือเท่านั้น


