เธอไม่ใช่อองซานซูจี

ข่าวใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ คือการที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดีจำนำข้าว

แม้กระทั่งเสื้อแดงบางคนถึงกับโพสต์ข้อความว่า หลอกกูหรือเปล่า ไหนว่า นักรบเพื่อประชาธิปไตยย่อมยอมตายในสนามรบ

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยิ่งลักษณ์จะหนี เพราะเธอไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่คนที่จะเป็น อองซานซูจี เมืองไทย

หากดูเส้นทางของยิ่งลักษณ์ จะพบว่าอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของพี่ชายตลอดมา ตั้งแต่เรียน หรือกระทั่งจบออกมา พี่ชายก็เปิดบริษัทให้ จากนั้นก็เข้าทำงานในเครือข่ายธุรกิจของพี่ชายจนถึงขึ้นเป็นประธานบริษัท

ในเส้นทางการเมือง ยิ่งลักษณ์ทำงานข้างหลังคอยติดต่อบุคคลต่างๆ ตามที่พี่ชายให้ดำเนินการ และที่ต้องกระโดดออกมาข้างหน้าก็เป็นเพราะพี่ชายเช่นกัน

เหตุที่มาก็ต้องโน้น นับแต่มีการยุบพรรคไทยรักไทย แปรสภาพมาเป็นพรรคพลังประชาชน และไปเชื้อเชิญ สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค จนชนะเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาล

ปรากฏว่า ครั้งนั้นเกิดกลุ่ม 4 ผู้ยิ่งใหญ่ หรือแก๊งออฟโฟร์ ที่มีบทบาทขึ้นมาและเกิดการส่งสัญญาณถึงคนไกลทำนองว่า ไม่ต้องห่วง อยู่เมืองนอกให้สบาย พรรคพลังประชาชนนี้พวกเราดูแลกันเองได้

นี่แหละ จึงทำให้เกิดการหวั่นใจ

จุดแตกหักมาจากการที่ สมัคร ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง จากการเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไป ซึ่งตามหลักแล้ว สมัคร สามารถกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งได้ จากการเสนอของพรรคพลังประชาชน

แต่ทุกอย่างไม่เป็นตามนั้น ไม่มีการเสนอชื่อ สมัคร แต่กลับเสนอ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ แทน

เป็นการพิสูจน์ว่า เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แม้เป็นเลือดต่างสายพันธุ์

แต่ สมชาย ก็อยู่ไม่ได้นาน เมื่อจะมีการเลือกตั้งอีกครั้ง พรรคพลังประชาชนก็กลายเป็น พรรคเพื่อไทย

ครั้งนั้นมีผู้อาสามาเป็นหัวหน้าพรรคและประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คือ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

แต่ มิ่งขวัญ ก็เหมือนกับข้าวนอกนา

ก่อนการเลือกตั้ง มิ่งขวัญ และยิ่งลักษณ์ ต้องบินพร้อมกันไปที่ นครบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงของบรูไน และมีการชี้ตัวไปที่ ยิ่งลักษณ์ ให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ยิ่งลักษณ์จึงเป็นปรากฏการณ์ที่มากมาย ทั้งการใช้เวลาแค่ 49 วัน ในการหาเสียงเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ การเป็นนายกฯ หญิงคนแรก เป็น นายกฯ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายทั้งความรู้ ความสามารถ ฯลฯ

และสุดท้ายคือเป็นอดีตนายกฯ ที่ต้องหนีคดีไปต่างประเทศ

ทุกเรื่องเกิดขึ้นเป็นเพราะเธอ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้สร้างความพร้อม และไม่ใช่ อองซานซูจี ที่พร้อมจะติดคุกเพื่อต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น

เธอเป็นของเธอแบบนี้มาเนิ่นนาน เพียงแต่โชคชะตาในแต่ละช่วงกำหนดบทบาทหลากหลายให้เธอเล่นเท่านั้น

และคงได้แต่ตั้งความหวังสักวันหนึ่งข้างหน้า

เธอจะได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตที่สงบในแผ่นดินเกิด