posttoday

หลวงพี่ยังงี้ได้รึ

16 พฤษภาคม 2560

ในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง เกิดอาการไม่สบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่ามีการเผยแพร่ป้าย

โดย...สันทัด กรณี

ในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง เกิดอาการไม่สบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่ามีการเผยแพร่ป้าย ประกาศสาปแช่งคนที่ปล่อยสุนัขและแมวในวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

อันที่จริงหากป้ายประกาศนี้ออกโดยคณะกรรมการวัดซึ่งเป็นฆราวาส ก็ดูเป็นเรื่องปกติในการดูแลวัดวาอารามให้สะอาดหูสะอาดตา เป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ร่วมกับวัด

แต่ประกาศนี้กลับเป็นพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งจัดทำขึ้น โดย “เจ้าคุณพิพิธ” หรือ พระเทพปฏิภาณวาที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ถ้อยกระทงความมีรายละเอียดดังนี้...

“ประกาศ สาปแช่ง วัดสุทัศน์เป็นพระอารามที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างโดยพระมหากษัตริย์ มีมูลค่ามหาศาล

ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็น ภิกษุ สามเณร ประชาชน นำอาหารมาเลี้ยงสุนัขและแมว โดยวางบนรอบฐานพระอุโบสถ พระวิหารหลวง ขอให้มีแต่สิ่งสกปรกเข้ามาในชีวิตตนเองและครอบครัว

ผู้ใด เอาสุนัขและแมวมาปล่อย ขอให้ถูกทอดทิ้ง พลัดพรากจากคนรัก...ผู้ใด ปีนกำแพงพระอุโบสถ พระวิหารหลวง โดยมิได้เป็นช่างบูรณะ ขอให้อุบัติเหตุ แข้งขาหัก

ห้ามให้อาหารนก เพราะทำลายศาสนสถาน นกหากินเองได้

หากไม่พอใจให้ไปวัดอื่นทำบุญ วัดนี้ไม่ง้อคนเมตตาสัตว์แต่ทำให้วัดสกปรก เมตตามากกรุณาเอาไปเลี้ยงที่บ้าน”

ในท้ายประกาศดังกล่าว ยังระบุข้อความไว้ด้วยว่า

“ใครทำลายป้าย ขอให้มีอันเป็นไปโดยเร็ว”

ลงชื่อ พระเทพปฏิภาณวาที “เจ้าคุณพิพิธ”

ถามว่า เจ้าคุณพิพิธ ทำอย่างนี้จริงหรือไม่ ท่านก็ยอมรับกับสื่อแห่งหนึ่งว่าคำสาปแช่งดังกล่าวเป็นของท่านจริง ซ้ำท่านยังประกาศตกรางวัลว่า หากใครรับเอาหมาแมวจากไปเลี้ยง 1 ตัว จะได้พระกริ่ง 1 องค์... เชิญตามสบายครับ ก็ว่ากันไป

ครับ...ท่านผู้อ่านเห็นเป็นอย่างไรครับ

ครับ...ผมนะหรือ ผมมองว่า ประกาศสาปแช่งฉบับนี้ จัดใหญ่ จัดเต็ม เปี่ยมไปด้วยโมหะ เคียดแค้น ชิงชัง หลุดพ้นจากการสำรวมอาการ เป็นการก่อกรรม และเป็นบาป

อุ้ย ลืมไป...แค่ศีล 5 ผมยังปฏิบัติขาดๆ เกินๆ จะว่ากล่าวพระผู้ใหญ่ถึงความควรไม่ควรก็กระไรอยู่

ต้องขออัญเชิญพระราชดำรัส สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ซึ่ง พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ท่านเป็นผู้ถ่ายทอด มาไว้ ณ ที่นี้

ครั้งหนึ่งเกิดเหตุ กทม.เข้าไปจับสุนัขจรจัดในวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร สมเด็จฯ ท่านทราบเข้า จึงมีพระราชดำรัสดังนี้

“พอพระองค์ทราบว่าถูก กทม.จับไป พระองค์กล่าวว่า จับไปได้อย่างไร หมาก็อาศัยวัด พระก็อาศัยวัด พระจะมีสิทธิมากกว่าหมาได้อย่างไร ทรงให้ไปตามเอาหมาคืนมาที่วัด จะต้องเสียตังค์อย่างไร พระองค์ก็บอกว่าให้มาเบิกที่นี่ พระองค์มีเมตตาบอกว่า มันก็อยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างอยู่ เขาก็มาพึ่งวัด เพราะวัดมันร่มเย็น”

ขอจบห้วนๆ ดื้อๆ แบบนี้ ผมกลัวถูกสาปแช่งเหมือนกัน