อาชีพนี้ต้องตีตั๋ว
เกิดอาการเจ็บแปลบรัวๆ กับร่างกฎหมายควบคุมสื่อจากปาก พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์
โดย...สันทัด กรณี
เกิดอาการเจ็บแปลบรัวๆ กับร่างกฎหมายควบคุมสื่อจากปาก พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน (สปท.)
ร่างกฎหมายฉบับนี้มีชื่อเต็มว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ...
กฎหมายฉบับนี้ ตั้งชื่อฟังดูดีมาก ได้ยินแล้วให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แต่เนื้อหาที่ กมธ.ปฏิรูปสื่อของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศทำคลอดออกมาปรากฏว่า ความรู้สึกพลิกกลับ
จากหน้ามือเป็นส้นเท้า...
เพราะเนื้อหาส้นเท้าจริงๆ (ไม่ฮา)
ประเด็นสำคัญคือ ผู้สื่อข่าวทุกคนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ออกโดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายนี้
“หากใครไม่มีแล้วมาทำหน้าที่สื่อมวลชนอาจมีโทษได้คือ จำคุก 2 ปี ปรับ 6 หมื่นบาท ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีแรกที่อยู่ระหว่างจัดตั้งสภาวิชาชีพฯ ได้ให้ความคุ้มครองสื่อมวลชนในปัจจุบันให้ถือว่าได้รับใบอนุญาตโดยอนุโลม แต่ต้นสังกัดต้องออกใบรับรอง และหลังจากที่จัดตั้งสภาวิชาชีพฯ แล้ว ภายใน 2 ปีสื่อมวลชนทุกคนทั้งเก่าและใหม่ต้องเข้ามารับใบอนุญาต ซึ่งจะมีกระบวนการสอบรวมถึงเข้ารับการอบรม” พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าว
ว่าง่ายๆ คือ อาชีพนี้ต้องไปตีตั๋ว อย่างผมทำสื่อมาร่วม 30 ปี เป็นวิทยากรด้านสื่อให้บางโครงการของมหาวิทยาลัยก็เคย ก็ต้องไปสอบไปรับอมรม... (ตูจะสอบผ่านป่ะวะ...ฮา)
ได้ใบอนุญาตแล้วก็ยังไม่จบ หากนักข่าวคนใดถูกคณะกรรมการที่ว่าเพิกถอนใบอนุญาตก็ห้ามทำอาชีพนี้ทันที สำนักข่าวหรือองค์กรสื่อไหนรับไปทำงานก็จะมีความผิดจำคุกและปรับเช่นเดียวกัน
ครับ...กำกับควบคุมทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ที่รายได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์กันเลย
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ แกยกตัวอย่างว่า เว็บเพจ Drama-addict (ของอีจ่า) เว็บไซต์ sanook kapook หรือข่าวทางไลน์ ที่มีรายได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมถือว่าเข้าข่ายหมด
ถามว่า...คุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อตรงไหน?
ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนตรงไหน?
เนื้อคือการกำหนดเครื่องมือควบคุม จัดการลงโทษ โดยมีคณะกรรมการสวมบทพระเจ้า ชี้เป็นชี้ตายผู้ประกอบอาชีพนี้เป็นผู้ตัดสินว่า ประชาชนคนไหนเป็นนักข่าวได้หรือไม่ นักข่าวคนใดมีจริยธรรมหรือไม่
นามธรรมโคตรๆ เป็นการปล่อยให้ใช้ดุลพินิจที่อันตรายสุดๆ ครับพี่น้องครับ...เอ่อ...แล้วมั่นใจได้อย่างไรคณะกรรมการที่ไม่รู้ว่าใครมานั่งนั่นน่ะ เป็นบุคคลที่มีจริยธรรม!
ครับ...ผมไม่คัดค้านการที่รัฐจะตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลสื่อ สนับสนุนด้วยซ้ำหากเป้าหมายเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่ปิดกั้นครอบงำ กำกับจิตวิญญาณแห่งวิชาชีพสื่อ
น่าขำ...อ้าปากเห็นลิ้นไก่ บอกจะให้สื่อไทยเป็นแบบสิงคโปร์!