เอาให้เข็ด
วันสงกรานต์ถือเป็นประเพณีสำคัญสำหรับคนไทย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อาทิ กัมพูชา ลาว
โดย...ทองพระราม
วันสงกรานต์ถือเป็นประเพณีสำคัญสำหรับคนไทย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อาทิ กัมพูชา ลาว และเมียนมา คำว่า สงกรานต์ มีความหมายว่า “ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่” ซึ่งเทศกาลดังกล่าวยังสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักไปทั่วต่างแดน จนฝรั่งมังค่านิยมเลือกเดินทางมาร่วมฉลองความสุข
แต่ประเพณีอันงดงามนี้กลับถูกทำลายจากเหล่าวัยรุ่น ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงนิยามและวิธีการเล่นสงกรานต์ไปในแบบฉบับสมัยนิยมจนลืมความดั้งเดิม และสร้างปัญหาต่างๆ นานาตามมามากมาย เริ่มตั้งแต่การแต่งตัวของบรรดาสาวน้อย สาวใหญ่ อยู่ในชุดรัดติ้ว
แนบเนื้อจนแทบจะเห็นเรือนสรีระว่าบุพการีมอบให้มานั้นมีหน้าตาอย่างไร หรือบางทีก็จับกลุ่มเต้นกันกลางถนน จนดูเหมือนถูกน้ำมนต์จากวัดสาดใส่หวังไล่สัมภเวสีออกจากร่างยังไงยังงั้น จนสร้างความรำคาญเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไป
นอกจากนี้ วัยรุ่นบางกลุ่มโดยเฉพาะหมู่มวลมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าชายชาตรี ดันชอบเมาสุราอาละวาด หรือขอประแป้งแก้มแม่เนื้ออ่อนจนเลยเถิดไปถึงขั้นล่วงละเมิดมนุษย์เพศแม่ หรือแค่เพียงจ้องหน้าก็อาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความบาดหมางจนถึงขั้นลงมือก็มีให้เห็น
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องให้ทุกฝ่ายรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาแก้ไขในทุกๆ ปี ไม่ว่าทั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ยิ่งโดยเฉพาะปัญหากลุ่มเด็กแว้นป่วนเมือง เพราะไม่ว่าจะเป็นวันไหนๆ ก็จะปรากฏกลุ่มขาซิ่งท้าลมออกมาให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปต่างสยองกันเป็นแถบ
เพราะด้วยท่าทางลีลาการขับขี่แบบเร้าใจ ไม่สนตัวตาย ร่างกายจะพิการ หรือใครจะเดือดร้อน แค่ขอให้เนื้อตัวได้สัมผัสกับลมปะทะเพียงเท่านี้ก็เป็นสุข ซึ่งต้องยอมรับว่าเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาคาราคาซังชนิดถอนรากโคนให้หมดไปจากสังคมได้ยากยิ่ง
แม้เรื่องดังกล่าวเด็กเหล่านี้จะพอทราบกันดีอยู่ว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย อีกทั้งยังส่งผลไปถึงบิดามารดาต้องมาเดือดร้อนจากปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ ทว่าปีนี้ก็นับว่าโชคดีที่พบเห็นกลุ่มเด็กแว้นน้อยลงจากปีก่อนๆ หลังรัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรา 44 เข้าจัดการ
แต่ก็ยังมีให้พบเห็นบ้าง อย่างเช่นล่าสุด สน.พระโขนง ได้ตั้งจุดตรวจพร้อมส่งชุดเคลื่อนที่เร็วออกกวดจับการแข่งรถจักรยานยนต์ภายในซอยอ่อนนุช 44 แขวงสวนหลวง เขตบางจาก กรุงเทพฯ และซอยสุขุมวิท 93 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยได้รับการสนับสนุนกำลังจากทหารประจำเขตสวนหลวง และบางนา และเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตสวนหลวง
อย่างไรก็ดี การปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งกระทำความผิดในข้อหา ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว อุปกรณ์ไม่ปลอดภัย ไม่สวมหมวกกันน็อกและอื่นๆ รวมทั้งสิ้นได้จำนวน 115 ราย
นับได้ว่าความเข้มงวดของรัฐบาลต่อการใช้กฎหมายครั้งนี้ สามารถสร้างความเกรงกลัวต่อกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้กระทำผิดให้ไม่กล้าทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างเข้าเป้าตรงจุด เพราะอย่าลืมว่าปัญหานี้มีเกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหรือเทศกาลไหน
ก็มักปรากฏพวกแหกคอกให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนดังนั้นวัยรุ่นที่ชอบบอกคนอื่นอยู่เสมอว่าตัวเองโตแล้ว มีความคิด และสามารถดูแลตัวเองได้ โดยไม่อยากให้ใครไปรบกวนชีวิตส่วนตัว ก็จงใช้รอยหยักในสมองคิดทบทวนให้รอบคอบ เพราะไม่เช่นนั้นกฎหมายบ้านเมืองก็จะตามเล่นงาน ถ้ายังไม่เข็ด ก็ลองดู ซึ่งงานนี้บอกได้คำเดียวว่า “ลำบาก” แน่นอน