ทั่นก็มากเกิ้น
บ้านเราชักแปลกๆ ในเรื่องการออกกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมายต่างๆ หลายเรื่องชวนอึดอัด
โดย...สันทัด กรณี
บ้านเราชักแปลกๆ ในเรื่องการออกกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมายต่างๆ หลายเรื่องชวนอึดอัด บางฉบับออกมาในรูปแบบอำนาจนิยมมองประชาชนคือผู้ต้องถูกปกครองอะไรทำนองนั้น
วันนี้ตั้งใจจะคุย เรื่อง ร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. ... ซึ่ง คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง ชี้เป้าว่า ต้องการติดดาบให้อำนาจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เข้าไปแทรกแซง ควบคุมบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์
สามารถสั่งปลดกรรมการ ผู้บริหาร ให้ออกจากตำแหน่ง และเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อคืนอำนาจให้นักลงทุนของบริษัทในการแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ เพื่อป้องกันความเสียหายของผู้ถือหุ้น
“กฎหมายที่จะมีการแก้ไขจะติดดาบให้กับทางสำนักงาน ก.ล.ต.เข้าไปแทรกแซงกับบริษัทที่มีปัญหาไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ หรือมีความขัดแย้งของผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับผู้ลงทุนและสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดทุน”คำพูดของคุณอภิศักดิ์
ครับ...ผมว่าแนวคิดนี้ไม่งามอย่างยิ่งสำหรับโลกยุคปัจจุบันสิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ ก.ล.ต.นั้นเป็นหน่วยงานของรัฐ ภารกิจหลักคือ “กำกับและพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ”
ครับ...กำกับและพัฒนา คือภารกิจหลักตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
รัฐมนตรีคลังท่านกลับมองเป็น...เพื่อแทรกแซงและควบคุม
เฮ้อ...บริษัทในตลาดหุ้นน่ะไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ เป็นของเอกชนเป็นของผู้เถือหุ้น ทุนก็ของเขา กรรมการเขาก็เลือกของเขาเอง?
หน่วยงานรัฐจะทะลึ่งมีอำนาจขนาดไปปลดเขาเลยหรือ?
แล้วเอาชาวบ้านที่เป็นบรรดาผู้ถือหุ้นไปไว้ที่ไหนละครับ
เฮ้อ! โชคดีที่ผู้บริหาร ก.ล.ต.ไม่สุดโต่ง ล่าสุดได้ยินเสียงคุณรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. ที่รับผิดชอบในการยกร่างกฎหมายตามดำริรัฐมนตรีคลัง บอกว่าเรื่องอำนาจ ก.ลต.ในการปลดผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นั้น ควรที่ออกมาในรูปแบบว่า ให้อำนาจ ก.ล.ต.สามารถขออำนาจศาลแพ่งเพื่อสั่งให้บริษัทเปิดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่หรืออาจเป็นผู้บริหารชุดเดิม
“ซึ่งส่วนตัวให้น้ำหนักกับการขออำนาจศาลมากกว่า ทั้งนี้ หากมีการประชุมผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นจริง ผู้ถือหุ้นก็ต้องเลือกข้างและพิจารณาให้ดีเพราะอำนาจที่แท้จริงในการดูแลบริษัทคือผู้ถือหุ้น”
นั่นคือความเห็นส่วนตัวของคุณรพี ซึ่งไม่รู้รัฐมนตรีจะว่าไง!
ผมเห็นด้วยกับคุณรพีอย่างยิ่ง หากขืนตามใจรัฐมนตรีพังจ้ะ
ผมเองไม่ได้ถือหุ้นบริษัทไหน มีก็แค่ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุน แต่ก็หลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ เพราะบริษัทโพสต์ฯ เจ้าของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (ฮา)
วันนี้คืนดีเกิดมีเหตุให้ขัดใจหรือใครเขาทำให้มีการหาเหตุ เพื่อให้ ก.ล.ต. สั่งปลดประธาน ปลดกรรมการบริษัท หรือปลดผู้บริหาร หรือบรรณาธิการ...ผมงี้ยุ่งตายเดะ!