จุดประเด็น​ ‘ป่วน’ แผนปูทางเลื่อนเลือกตั้ง
สัญญาณ “ป่วน” ตั้งเค้าอีกรอบ หลังปฏิบัติการบุกค้นตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
สัญญาณ “ป่วน” ตั้งเค้าอีกรอบ หลังปฏิบัติการบุกค้นตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก และกำลังนำไปสู่การปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย โกตี๋-วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี
เมื่อครั้งนี้ถือเป็นการตรวจยึดอาวุธสงครามครั้งใหญ่ที่ได้ของกลาง ทั้ง ปืนเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก ปืนคาร์บิน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 4,566 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ซ้อมรบ 8 นัด กล้องสไนเปอร์ 1 อัน
ลูกระเบิด เอ็ม 79 จำนวน 8 นัด ลูกระเบิดขว้าง SFG75 จำนวน 1 ลูก ลูกระเบิดขว้าง RGD5 จำนวน 10 ลูก เครื่องชอร์ตไฟฟ้า 1 เครื่อง วิทยุสื่อสาร ว.ดำ 7 เครื่อง วิทยุสื่อสาร ว.เเดง 1 เครื่อง พลั่วสนาม 1 อัน เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว
ทว่า จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีคำตอบชัดเจนว่าทำไมถึงเพิ่งจะมาเอาจริงเอาจังปูพรมตรวจค้นบุกยึดและจับกุมผู้ต้องสงสัยในช่วงเวลานี้
ในเมื่อ โกตี๋ เองก็หลบหนีการจับกุมไปต่างประเทศนานนับปี อีกทั้งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของเครือข่ายโกตี๋ก็ถูกสะกดให้อยู่ในวงจำกัด จะมีก็เพียงแค่การปลุกระดมผ่านโซเชียลมีเดีย
ไม่แปลกที่จะนำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการ “จัดฉาก” ซึ่งทั้งรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องออกมาชี้แจงปฏิเสธพร้อมยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามข้อมูลการข่าวที่เกาะติดมานาน
สวนทางกับความคิดของบางฝ่ายที่ไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือ สามารถบุกค้น ตรวจสอบ เอกซเรย์พื้นที่ต้องสงสัยได้อย่างละเอียด จะปล่อยปละให้มีอาวุธสงครามจำนวนมากซุกซ่อนไว้ใกล้กลางกรุงมานานหลายปีได้อย่างไร
หลังจากนี้จึงต้องติดตามดูความคืบหน้าจากการบุกค้นพื้นที่เป้าหมายทั้ง 9 จุด และคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนว่าจะมีรายละเอียดอะไรออกมาเพิ่มเติม
จากข้อมูลเบื้องต้นอาวุธสงครามที่ตรวจยึด ถูกเชื่อมโยงว่าเตรียมไว้สำหรับลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
สอดรับกับที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกมาแถลงว่า จากอาวุธปืนสงครามที่ยึดได้ โดยเฉพาะปืนติดกล้องและที่เก็บเสียงชี้ชัดอยู่แล้วว่าไม่ได้ใช้ไปยิงนกแน่นอน แต่เป็นการนำไปใช้สำหรับยิงคนหรือลอบสังหารผู้นำ ซึ่งปืนบางกระบอกหายไปช่วงที่มีการชุมนุมและการปะทะเมื่อปี 2553
“โกตี๋พยายามเคลื่อนไหวและประกาศผ่านโลกโซเชียลตลอดว่า จะมีการลอบทำร้ายผู้นำประเทศ และเป็นปรปักษ์อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล ขณะเดียวกันจากการข่าวยังพบว่าโกตี๋และพวกให้การสนับสนุนวัดพระธรรมกาย กลุ่มคนเหล่านี้เป็นภัยต่อความมั่นคงทั้งนั้น” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
สะท้อนให้เห็นความพยายามเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายธรรมกายและเครือข่ายคนเสื้อแดง ที่ทั้งสองเรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงสร้างปัญหาให้รัฐบาลในเวลานี้
จำเป็นต้องรีบสกัดไม่ให้สถานการณ์บานปลายย้อนกลับมาเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลและ คสช.
อีกด้านยังพบการเชื่อมโยงเครือข่ายเสื้อแดงกับกลุ่มที่กระทำผิดหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ยิ่งต้องรีบสกัดกั้นการเคลื่อนไหวไม่ให้ลุกลามบานปลาย
ประเด็นความปั่นป่วนต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้รัฐบาลต้องรีบออกมาเดินหน้าสกัดความเคลื่อนไหว ตีกรอบให้อยู่ในวงจำกัด ไม่สร้างปัญหาในอนาคต
ดังจะเห็นว่า ล่าสุดรัฐบาลได้ประสานไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อติดตามตัว โกตี๋ กลับมาดำเนินคดีและให้หยุดการเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนปลุกระดมภายในประเทศไทย
แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกมองว่าอาจเป็นเพียงแค่การขยับให้เห็นว่าสถานการณ์เวลานี้ยังไม่ได้นิ่งสงบ แต่ยังมีความเคลื่อนไหวใต้ดินที่สร้างความปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา ไม่อาจไว้ใจได้
ที่สำคัญหากไม่สามารถสกัดหรือจัดการความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ อาจเป็นปัจจัยให้การ “เลือกตั้ง” ไม่เป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้
สอดรับกับสัญญาณที่ปรากฏออกมาเป็นระยะผ่านคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำในรัฐบาลและ คสช.หลายรอบ
การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมปที่กำหนดไว้ ยกเว้นแต่มีจะเหตุความปั่นป่วนวุ่นวายที่ไม่อาจจะทำให้ทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปตามเส้นทางที่วางไว้ ในจังหวะที่พบการออกมาดักคอเรื่องสืบทอดอำนาจ
ไม่แปลกที่ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นอีกด้านจะถูกมองว่าเป็นแผนที่หวังผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป