ผลดีน้ำมันขึ้นราคา
ภาวะน้ำมันขึ้นราคากำลังมาเยือน
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ภาวะน้ำมันขึ้นราคากำลังมาเยือน
สาเหตุเนื่องจากบรรดาผู้ผลิตน้ำมันทั้งกลุุ่มโอเปก หรือนอกโอเปก นำโดยซาอุดิอาระเบีย กับ รัสเซีย จับมือกันลดกำลังการผลิตในปีนี้ลงมา
ผลคือทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นทันตา
ปกติหากราคาน้ำมันขยับ สิ่งที่ตามมาคือผลลบทางเศรษฐกิจ
เพราะหากไม่นับราคาต้นทุนวัตถุดิบ น้ำมันเป็น 1 ใน 3 ปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ร่วมกับดอกเบี้ย และค่าแรง ราคาน้ำมันที่ปรับตัว ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าขยับขึ้น
และแน่นอนว่าบรรดาผู้ใช้รถทั้งหลายจะต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย
แต่การที่น้ำมันปรับตัวครั้งนี้ น่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันร่วงติดดิน ผลที่ตามมากลายเป็นภาวะการชะงักงันไปเกือบทั้งโลก
ชาติที่เคยเป็นมหาเศรษฐีน้ำมัน แปรสภาพกลายเป็นคนเคยรวย บางแห่งถึงกับล้มละลายลงไปดื้อๆ
กำลังซื้อจากกำไรของบรรดาเศรษฐีน้ำมันจึงหดหายไปจากโลก
ขณะเดียวกันธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันก็หงอยเหงา หดตัวไปเป็นแถว อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจปิโตรเคมี ฯลฯ ทำให้เม็ดเงินลงทุนหดตัว มีการปลดคนระเนระนาด
แต่ถ้าราคาน้ำมันปรับขึ้น ธุรกิจน้ำมันและที่เกี่ยวข้องจะฟื้นตัว
นอกจากนั้น ในบ้านเราบรรดาสินค้าเกษตรต่างๆ ทั้งถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย ยังจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันขยับทั้งสิ้น นอกเหนือจากธุรกิจน้ำมัน ปิโตรเคมี และพลังงานทดแทนที่เกี่ยวเนื่อง
ที่สำคัญ แม้ราคาน้ำมันปรับขึ้น ผลกระทบน่าจะมีเพดานจำกัด
บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายมองว่าราคาน้ำมันจะไม่ขยับพรวดทะลุบาร์เรลละ 100 เหรียญอย่างในอดีต
เหตุสำคัญมาจากถ้าราคาน้ำมันปรับตัวแรง จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการผลิตสินค้าที่ทดแทน โดยเฉพาะ น้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) และก๊าซชั้นหินดินดาน (Shale Gas)
น้ำมันและก๊าซพวกนี้ถูกกักอยู่ในชั้นหินดินดานอยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลก โดยน้ำมันมีปริมาณราวๆ 10% ของสำรองน้ำมันดิบในโลก ขณะที่ก๊าซมีอยู่ประมาณ 32% ของปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติทั่วโลก
แต่ทั้งหมดจึงต้องอาศัยเทคโนโลยีการขุดเจาะที่ซับซ้อนกว่าปกติ
เมื่อราคาน้ำมันขยับมหาศาล จึงคุ้มค่าในการขุดเจาะ ในทางกลับกันเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงก็ไม่คุ้ม ต้องปิดกิจการไปเป็นทิวแถว
ในอนาคตหากราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงกว่า 60 เหรียญเมื่อใด นั่นแหละ บรรดาการขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซหินดินดาน จะเดินเครื่องอีกครั้ง และทำให้ราคาน้ำมันไม่ทะลุพรวดพราด
ส่วนการที่น้ำมันแพงขึ้นก็ต้องปรับตัว ประหยัดมากกว่าเดิม ไม่เหมือนช่วงน้ำมันราคาถูก
น้ำมันขึ้นราคาจึงไม่ใช่มีผลร้ายเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะถ้ามีเพดานจำกัด
เหมือนใช้น้ำมันเป็นตัวกระตุ้นให้มีเงิน แต่ต้องซื้อของแพงขึ้นบ้าง
มันดีกว่ากระเป๋าแฟบ หน้าเหี่ยวแห้งอย่างหลายปีก่อน


