posttoday

บทเรียนกล้วยในลาว

18 พฤศจิกายน 2559

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2559 สำนักข่าวสารประเทศลาว (News Laos Agency) รายงานว่า รัฐบาลลาวสั่งยุติการปลูกกล้วยของนักลงทุนจีนใน สปป.ลาว

โดย...รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2559 สำนักข่าวสารประเทศลาว (News Laos Agency) รายงานว่า รัฐบาลลาวสั่งยุติการปลูกกล้วยของนักลงทุนจีนใน สปป.ลาว เหตุผลหลักเพราะนักลงทุนต่างชาตินำสารเคมีอันตราย เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้าและยาปราบศัตรูพืชมาใช้การปลูกกล้วย ซึ่งในหนึ่งฤดูกาลของการปลูกนั้นมีการใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า และใช้ประเภทสารเคมีมากถึง 150 ประเภท ส่งผลกระทบต่อคน สัตว์ พืชและสิ่งแวดล้อม โดยรายงานของเอฟเอโอปี 2557 บอกว่า จีนมีการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นถึง 400%

นอกจากนี้ หลังเก็บเกี่ยวจะนำกล้วยมาล้างด้วยฟอร์มาลีน ซึ่งปุ๋ยจีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ คือ Lost Control Fertilizer ที่ให้ผลผลิตสูงแต่สารเคมีตกค้างในดิน 70% สำหรับการปลูกกล้วยเชิงพาณิชย์ใน สปป.ลาว นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2548 ที่แขวงหลวงน้ำทา ติดกับเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาที่ด่านบ่อเต็น-บ่อหาน และได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นในอีก 3 แขวง คือ
พงสาลี (ติดกับสิบสองปันนาที่ด่าน Sobhun และเวียดนาม) บ่อแก้วและอุดมไชย อีกสองแขวงที่ปลูกกล้วย คือ บอริคำไซในภาคกลางและแขวงสาลวันในภาคใต้ แต่ส่วนใหญ่ 70% ปลูกทางตอนเหนือ

ในปี 2545 สปป.ลาว มีพื้นที่ปลูกกล้วย 4 หมื่นไร่ ผลผลิต 9 หมื่นตัน หลังจากที่นักลงทุนจีนเข้ามาในปี 2548 ทำให้เกิดการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นมาก จนปี 2558 พื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนไร่ ได้ผลผลิต 5 แสนตัน ซึ่ง 80% ส่งออกไปยังประเทศจีน มูลค่าส่งออกกล้วยเพิ่มขึ้นจาก 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 เป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2558 การที่นักลงทุนจีนเข้ามาเพราะในจีนไม่สามารถผลิตกล้วยได้เพียงพอกับความต้องการและพื้นที่ปลูกก็ไม่สามารถขยายได้อีก โดยปี 2554 จีนมีพื้นที่ปลูกกล้วย 2.5 ล้านไร่ ผลิตได้ 11 ล้านตัน แต่ความต้องการบริโภคล่าสุดอยู่ที่ 13 ล้านตัน

ความต้องการที่เพิ่มขึ้น บวกกับค่าเช่าพื้นที่ปลูกใน สปป.ลาว ยังถูกกว่าจีน เช่น ค่าเช่าที่ดินในสิบสองปันนา 2 หมื่นบาท/ปี ห้วยทราย 4,000-7,000 บาท/ปี จึงทำให้จีนเข้าไปลงทุนปลูกกล้วยใน สปป.ลาว สำหรับรูปแบบการปลูกกล้วยใน สปป.ลาว มี 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.รูปแบบเกษตรกรรายย่อยดำเนินการเองทั้งหมดทั้งทุน แรงงานและที่ดิน รูปแบบนี้มีสัดส่วน 20% 2.การวมเป็นกลุ่มเกษตรกรซึ่งรูปแบบนี้มีน้อยมาก เพราะขาดการรวมกลุ่มและการบริหารจัดการ 3.การทำเกษตรแบบพันธสัญญาระหว่างเกษตรกรกับนักลงทุนต่างชาติ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 2+3 หมายความว่า เกษตรกรของลาวจัดสรรแรงงานและที่ดิน ส่วนนักลงทุนจัดหาเงินทุน เทคโนโลยีและการตลาด และรูปแบบ 1+4 เกษตรกรลาวหาแรงงานอย่างเดียว และ 4.เป็นรูปแบบที่ให้สัมปทาน เช่น ที่ดินในการทำการเกษตร

ทั้งรูปแบบที่ 3 และ 4 คิดเป็นสัดส่วน 75% ในปี 2559 National Agriculture and Forestry Research Institute (NAFRI) พบว่า นักลงทุนจีนได้ผลตอบแทนในการปลูกกล้วย 2,500 เหรียญสหรัฐ/เฮกตาร์/ปี (20 ล้านกีบ) เจ้าของที่ดินได้ 1,875 เหรียญสหรัฐ/เฮกตาร์/ปี แรงงานได้ 97 เหรียญสหรัฐ/เฮกตาร์/ปี หรือเท่ากับ 4,000-5,000 บาท/เดือน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติได้ผลประโยชน์มากสุด แรงงานส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและกัมพูชา

ข้อคิดสำคัญของไทยในการเข้ามาทำการเกษตรของนักธุรกิจจีน แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเห็นข่าวว่าเช่าพื้นที่ผืนใหญ่ในการทำการเกษตร ที่เห็นจะเป็น “ล้งจีน” เข้ามาดำเนินธุรกิจสินค้าเกษตรแบบครบวงจร ไทยควรมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในการเข้ามาของนักธุรกิจต่างชาติดีกว่าจะสายเกินแก้ เพราะกรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเปิดรับ FDI โดยไม่คำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อม คน พืชและสัตว์ ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นบทเรียนที่สำคัญของไทยกับบทบาทการเข้ามาทำธุรกิจของนักธุรกิจจีน

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ