posttoday

เป็นบวก

09 ตุลาคม 2558

โดย เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอกการลงทุน

โดย เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอกการลงทุน

คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการแกว่งตัวของ SET INDEX ยังอยู่ในช่วงการปรับตัวขึ้นอ่อนๆ ซึ่งสิ่งที่ยืนยันไว้ในทุกๆ ครั้งของการคาดการณ์แนวโน้มของ SET INDEX ในปีนี้ ก็คือ การประเมินว่า จุดต่ำสุดของ SET INDEX ปีนี้ในผ่านไปแล้วในช่วงเดือนสิงหาคม  นั้นก็คือ น่าจะดีพอที่เรามองได้ว่า ความเสี่ยงของตลาดในด้านขาลง ค่อนข้างจำกัด แม้ต้องยอมรับว่า การปรับตัวขึ้นก็ยากเช่นเดียวกัน เนื่องจากความเสี่ยงของผลประกอบการไตรมาส 3 ที่น่าจะปรับตัวลดลงโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และทุกคนยังดูว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะได้ผลแค่ไหน

เพราะฉะนั้น การกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุนระยะสั้นเพื่อให้เกิดกำไรจึงจะเริ่มยากกว่าปกติ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือ การเลือกหุ้นกลุ่มที่โดดเด่นในระยะสั้น ยกตัวอย่างในกราฟที่ 1 เราจะพบว่า การ break out ในเชิง UP ของราคาน้ำมันดิบ เป็นเหตุผลที่ทำให้ระยะสั้นมีการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน นี้ก็คือ กลยุทธ์ที่ถูกต้องในการกำหนดกลยุทธ์ระยะสั้น หรือ การลงทุนในหุ้นที่คาดว่า จะมีข่าวบวกในช่วงไตรมาส 4 อย่างเช่นหุ้นกลุ่มรับเหมา เป็นต้น เพราะอย่าหลงประเด็นว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 จะลดลงแล้วจะลงทุนไม่ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงในหุ้นที่คาดว่า มีปัจจัยลบ หรือ สงสัยว่า มีปัจจัยลบ(ในเชิงการเก็งกำไร แค่สงสัยว่าลบก็ไม่น่าลงทุนแล้ว แต่สงสัยว่าบวกก็ต้องซื้อเลย) ยกตัวอย่างเช่น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของธนาคารพาณิพย์น่าจะออกมาไม่ดีแน่ๆ ,หุ้น ICT ที่อาจจะมีปัจจัยลบเกิดขึ้น หรือ กลุ่มอื่นๆ ที่สงสัยว่าจะมีปัจจัยลบ เป็นต้น เพราะฉะนั้น การเลือกหุ้นระยะสั้นจึงสำคัญมาก และในเหตุผลที่กล่าวข้างต้น ก็ต้อง เลือกหุ้นพลังงาน ในการเก็งกำไร และ รับเหมาก่อสร้างในการลงทุน เป็นต้น

แม้ในภาพรวมในเชิงปัจจัยอาจจะทำให้เราคิดว่า ตลาดหุ้นไทยอาจจะไปไม่ไกลในช่วงสั้น เพราะปัจจัยลบหลายอย่างที่อย่างปกคลุมอยู่ แต่ก็ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า จุดต่ำสุดในปีนี้ของตลาดหุ้นไทยได้ผ่านไปแล้ว ในเดือนสิงหาคม แม้ผมหวังการปิดสิ้นปีไว้ที่ 1450 จุด และเผื่อใจระยะสั้น ว่า อาจจะเสียเวลา แต่อาการของตลาดหุ้นระยะสั้น การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของค่าเงินบาท และการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่มีปัจจัยบวก ทำให้คาดการณ์ได้ว่า อาจจะมีการ SHORT คือ  ซื้อหุ้นคืน โดยดูค่าเงิน เพราะต้องยอมรับ ทุกรอบที่หุ้นขึ้นหรือลง ต้องมีการลงทุนของอนุพันธ์ ในการขายหุ้นหรือซื้อหุ้นตามเข้าไป ดังนั้น เวลาแนวโน้มหุ้นมีการเปลี่ยนแปลง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการที่ต้องปิดสถานะ หรือ กรณีเก็งกำไรค่าเงิน เมื่อค่าเงินอ่อนถึงระดับที่คาดไว้ การปิดสถานะก็ต้องเกิดขึ้น ซึ่งกรณีการเกิดในลักษณะเช่นนี้ ก็น่าจะตลาดหุ้นไทยอาจจะขึ้นดี และแรงกว่าที่คาด เพราะลงจาก 1600 มา 1300 การกลับมาที่ 1450-1500 จุด เป็นเรื่องปกติมาก

บทสรุป ประเมินว่า ภาพระยะสั้นของ SET INDEX ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการเสียเวลาของตลาดหุ้นไทยอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ความสำคัญอยู่ที่การเลือกตัวหุ้น และควรเน้นการเก็งกำไรในหุ้นพลังงาน และการลงทุนในหุ้นรับเหมาก่อสร้าง อย่าหลงประเด็นเพียงแค่การประกาศผลประกอบการระยะสั้น สิ่งที่ยังคงยืนยันมาโดยตลอดก็คือ จุดต่ำสุดของปีนี้ได้ผ่านพ้นมาแล้ว นั้นก็เพียงพอที่ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนของหุ้นไทยในไตรมาส 3 ลงมาต่ำมาก ?

หมายเหตุ เสาร์ที่ 17ตุลาคมนี้เวลา 9.00 น. – 12.00 น. ที่สมาคมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ มีงานสัมมนาเทคนิคพิชิตหุ้น โดยได้เรียนเชิญ ด.ร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์  อาจาย์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และเป็นหนึ่งในตำนานตลาดหุ้นไทย มาเปิดเผยเคล็ดลับในการลงทุน ท่านใดที่สนใจเรียนเชิญ จองได้ที่ เบอร์ 081-7838888 หรือ ที่ http://www.aekinvestment.com/