มองตะวันตก

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

เป็นภาระสาหัสของรัฐบาลตู่ 3 โดยเฉพาะบรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในการเดินหน้าบริหารประเทศ

สารพัดปัญหาต่างประเดประดังเข้ามา ยิ่งเจอปัญหาระเบิดขึ้นมาอีก ทุกอย่างเลยยากเป็นเท่าทวีคูณ

แต่เอาละ เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

และในบรรดาความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาสำหรับรัฐบาลโฉมใหม่ก็คือ การมองตะวันตกมากขึ้น

หลังจากปฏิวัติความสัมพันธ์กับสหรัฐ และชาติตะวันตก ก็มีปัญหาเรื่อยมา 

ชาติเหล่านี้ต่างปิดประตูตายไม่ยอมรับการติดต่อแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ต้อนรับผู้นำของไทย

ขณะเดียวกันในอีกด้าน เราก็หันไปหาจีนจนเกิดความคลางแคลงถึงบทบาทที่สนิทสนมกับจีนมากเกิน

ทั้งหมดนำไปสู่สารพัดปัญหา สารพัดแรงกดดัน

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอุยกูร์ ปัญหาการค้ามนุษย์ที่สหรัฐยังคงอันดับให้ไทยอยู่ระดับ 3 ต่ำสุด และยังรวมไปถึงปัญหาประมงของสหภาพยุโรป (อียู)

หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ภาวะประตูที่ปิดตาย จะทำให้เกิดแรงกดดัน ความยากลำบากมากขึ้นทุกขณะ

ทั้งหมดจึงเป็นการนำไปสู่การปรับปรุงหน้าต่างที่ยังคงอยู่ เพื่อแก้ปัญหาประตูที่ปิดตาย

หน้าต่างที่ว่าคือ บทบาท 3 กระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ที่มีทั้งข้อตกลงระดับทวิภาคี และข้อตกลงนานาชาติ ในการเชื่อมโยงกับโลกตะวันตก

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่การปรับ ครม.ครั้งหลังสุด มีการโยกนายทหารออกไปจากกระทรวงเหล่านี้ และเปิดให้พลเรือนมานั่งแทน เพื่อความคล่องตัวในการซ่อมความสัมพันธ์ทั้งการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ กับสหรัฐ ชาติตะวันตก รวมถึงญี่ปุ่น

สำหรับจีนก็ยังคงมีทิศทางรักษาความสัมพันธ์ที่มีอยู่ รวมถึงรัสเซีย โดยไทยจะเข้าร่วมกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ที่มีรัสเซียเป็นเจ้าภาพสำคัญ

มองตะวันตก กอดตะวันออก ทอดไมตรีรัสเซีย จึงกลายเป็นการปรับดุลแห่งอำนาจและความสัมพันธ์ที่กำลังจัดทัพ วางจังหวะก้าวเดิน

ทั้งหมดจะทำได้อย่างที่หวัง หรือกลายเป็นฝันที่ค้างเติ่ง

คงต้องติดตาม อย่าได้คลาดสายตา