การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด (ตอนจบ)
โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์
โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์
บทความก่อนผมพูดถึงรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเส้นแนวโน้มรูปแบบ FLAG ,PENNANT และWEDGE บทความนี้เรามาต่อกันที่รูปแบบ DOUBLE TOP และ TRIPLE TOP ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบเป็นการเคลื่อนไหวที่มีการสร้างจุดสูงสุดอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน โดยที่ DOUBLE TOP จะเป็นจุดสูงสุด 2 จุดในขณะที่ TRIPLE TOP จะมีจุดสูงสุด 3 จุด โดยปกติเมื่อราคาหุ้นเมื่อเกิด DOUBLE TOP หรือ TRIPLE TOP แล้ว ถ้ามีการดีดราคาขึ่นมาอีกครั้ง ส่วนใหญ่จะมีจุดสูงสุดดังกล่าวนั้นเป็นแนวต้าน ทำให้ราคาหุ้นต้องปรับตัวลง ยกเว้นแต่การปรับขึ้นมารอบหลังมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 2 หรือ 3 รอบ กรณี DOUBLE TOP และ TRIPLE TOP ตามลำดับ ก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นที่ขึ้นมารอบหลังสามารถตีทะลุขึ้นไปได้ ซึ่งจุดสูงสุดเดิมก็จะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในทันที
ในทางกลับกัน DOUBLE BOTTOM และ TRIPLE BOTTOM โดยทั้ง 2 รูปแบบเป็นการเคลื่อนไหวที่มีการสร้างจุดต่ำสุดอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน โดยที่ DOUBLE BOTTOM จะเป็นจุดต่ำสุด 2 จุด ในขณะที่ TRIPLE BOTTOM จะมีจุดต่ำสุด 3 จุด โดยปกติเมื่อราคาหุ้นเมื่อเกิด DOUBLE BOTTOM หรือ TRIPLE BOTTOM แล้วถ้ามีการปรับตัวลงมาอีกรอบหนึ่ง ส่วนใหญ่จะมีจุดต่ำสุดดังกล่าวเป็นแนวรับ ทำให้ราคาหุ้นมีการเด้งกลับขึ้นไป เว้นแต่การปรับตัวลงมารอบนี้มีมูลค่าซื้อขายเข้ามาหนาแน่นกว่าเดิมมากๆ โอกาสที่จะทะลุจุดต่ำสุดเดิม สร้างจุดต่ำสุดใหม่ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งจุดต่ำสุดเดิมก็จะกลายเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งขึ้นมาทันที เมื่อราคาหุ้นมีการดีดกลับขึ้นมา
รูปแบบต่อมาที่ผมคิดว่านักลงทุนที่ใช้เทคนิคการดูกราฟควรจะทำความเข้าใจก็คือ รูปแบบ HEAD&SHOULDER (หัวและไหล่) (H&S) เป็นรูปแบบที่มีการฟอร์มตัวของราคาคล้ายๆรูปหัวคน และมีไหล่ซ้ายและไหล่ขวา โดยที่ระดับของไหล่ทั้ง 2 ข้างโดยปกติจะอยู่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่ส่วนหัวจะมีจุดสูงกว่าจุดสูงของไหล่ทั้ง 2 ข้าง โดยที่เมื่อไรก็ตามที่รูปแบบฟอร์มตัวไหล่ซ้าย และส่วนหัวเสร็จแล้ว กำลังจะฟอร์มตัวเป็นไหล่ขวา เมื่อราคาลงมาทะลุเส้นที่ลากจากส่วนไหล่ซ้าย มาที่ไหล่ขวา ก็จะเป็นสัญญาณขาย ซึ่งรูปแบบนี้ที่จริงก็คือการเปลี่ยนรูปแบบจากเดิม ขาขึ้นกลายเป็นขาลงนั่นเอง
ในทำนองกลับกัน รูปแบบ HEAD&SHOULDER BOTTOM ซึ่งเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับ HEAD&SHOULDER คือ เป็นการฟอร์มตัวของราคาคล้ายรูปคน มีไหล่ซ้ายและไหล่ขวา โดยที่ระดับของไหล่ทั้ง 2 ข้างโดยปกติจะอยู่ใกล้เคียงกันแต่คราวนี้กลายป็นรูปแบบคว่ำ โดยทั้งหัวและไหล่ กลับหัวลงไปอยู่ด้านล่าง โดยเมื่อราคาหุ้นมีการฟอร์มตัวเป็น ไหล่ซ้าย และส่วนหัวเสร็จแล้ว กำลังจะฟอร์มตัวเป็นไหล่ขวาอยู่ เมื่อราคาทะลุเส้นที่ลากจากส่วนไหล่ซ้าย มาที่ไหล่ขวาขึ้นไปก็จะกลายเป็นสัญญาณซื้อ ซึ่งรูปแบบนี้คือการเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่เป็นขาลงกลายเป็นขาขึ้นนั่นเอง
เรื่องต่อไปที่ท่านควรจะศึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวข้องกับเรื่อง GAP คือการที่ราคามีการเปิดช่องว่างของราคาซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งช่วงที่หุ้นมีราคาขึ้น หรือช่วงที่หุ้นมีราคาลงมาก็ตาม เช่น ราคาวันก่อนหน้าของหุ้น DEF มีจุดสูงสุดที่ 3.70 ต่ำสุดที่ 3.30 บาท และมีราคาปิดที่ 3.50 วันถัดมาราคาเปิดกระโดดที่ 4 บาทเลย เนื่องจากมีข่าวดีบางอย่าง ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดเช้า แล้วขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 4.50 จะเห็นได้ว่า ราคาต่ำที่สุดของวันล่าสุด กับราคาสูงสุดของวันก่อนมีช่องว่างของราคา
นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า GAP นั่นเอง ซึ่งปกติ GAP จะเป็นการแสดงถึงความแข็งแรงของทิศทางราคาไม่ว่าจะเป็นทิศทางขาขึ้นหรือลง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีข่าวดีหรือข่าวร้ายที่เหนือความคาดหมายของนักลงทุนในตลาด โดย GAP มี 3 รูปแบบคือ
1.BREAKAWAY GAP เป็นการสร้าง GAP ชุดแรก โดยปกติจะเกิดจากการที่ราคาหุ้นสามารถทะลุเส้นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ
2.RUNAWAY GAP เป็น GAP ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเกิด BREAKAWAY GAP ไปแล้ว แสดงว่าทิศทางของราคามีความแข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นการขึ้นหรือลงก็ตาม
3.EXHAUSTION GAP เป็น GAP ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากการเกิด GAP 2 ตัวข้างบนซึ่งเป็น GAP ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายขาขึ้นที่มีการอ่อนกำลังลง ทำให้คาดการณ์ได้ว่า หุ้นกำลังจะมีการเปลี่ยนทิศทางในอีกไม่นาน นั่นคือ ถ้าเดิมเป็นทิศทางขาขึ้น นั่นก็หมายความว่ากำลังจะเปลี่ยนเป็นทิศทางลงแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าเดิมเป็นทิศทางลง นั่นก็หมายความว่ากำลังจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขึ้นแล้ว
และแล้วมหากาพย์ของบทความ “การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด” ก็จบลงที่บทความตอนที่ 14 นี่เอง ซึ่งท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในหนังสือ “จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร “ ที่ผมอยากฝากให้ท่านนักลงทุนไว้เป็นคู่มือในการลงทุนที่จะสร้างความสำเร็จในการลงทุนของทุกๆท่านครับ


