อาม่ายังร้อง
ปีนี้ต้องถือว่าเป็นปีแห่งการถดถอยสุดซอย ขนาดอาม่าก็ยังต้องร้อง
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ปีนี้ต้องถือว่าเป็นปีแห่งการถดถอยสุดซอย ขนาดอาม่าก็ยังต้องร้อง
และอาม่าที่ว่าก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา มาม่า นั่นเอง
มาม่า คือ สินค้าของเครือสหพัฒน์ที่อยู่ยงคงกระพัน และเรียกขานกันเล่นๆ ว่า อาม่า ซึ่งในอดีตมีสินค้าที่เป็นคู่ประกบก็คือ อากง หมายถึงผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้น
อย่างไรก็ตาม สินค้าอากง ผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้น หายไปจากตลาดแล้ว เหลือเพียงอาม่าที่ยังยืนยงคงอยู่
แต่ปีนี้อาม่าก็ต้องประสบปัญหายอดขายเติบโตแค่ 0.2% หรือแทบไม่เติบโต เป็นยอดขายที่เติบโตต่ำสุดในรอบ 42 ปี
สาเหตุสำคัญเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบลงลึกถึงระดับล่างคือเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ทำให้บะหมี่ซองที่เคยเป็นอาหารยามจำเป็นกลับขายไม่ออก
ภาวะดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย
เพราะปกติแล้วมาม่าจะเป็นสินค้ากู้ชีวิตยามที่ชาวบ้านไม่มีเงินก็จะหันมากินมาม่า จนทำให้ดัชนีมาม่าพุ่งพรวดตามยอดขาย
ทั้งหมดเป็นไปตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยทฤษฎีผู้บริโภค (Consumer Theory) ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายได้กับทางเลือกของผู้บริโภค โดยแบ่งสินค้าเป็น 2 ประเภท คือ สินค้าปกติ (Normal Goods) กับสินค้าด้อย (Inferior Goods)
สินค้าปกติก็คือสินค้าที่ผู้บริโภคจะบริโภคมากขึ้นเมื่อมีรายได้สูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับสินค้าด้อยที่จะบริโภคน้อยลงเมื่อมีรายได้สูงขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพต่ำกว่า ยามอยู่ดีมีสุข เงินทองพอใช้จ่าย ก็ต้องหันไปหาของดีๆ เป็นธรรมดา
แน่นอนว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในหมวดของสินค้าด้อยที่จะเป็นของยามยากเมื่อขาดเงิน
แต่ทว่าในปีนี้แม้รายได้ประชาชนจะลดลง แต่ทว่าสินค้าที่เคยเป็นพระเอก ราคาถูกอย่างบะหมี่มาม่ากลับขายไม่ออก ไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
นั่นแสดงว่าภาวะการถดถอยกำลังซื้อที่อ่อนแอลงรากลึกกว่าที่เคยเป็นมา
นี่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะต้องแก้ไข ไม่เพียงแต่การเพิ่มกำลังซื้อ ความเชื่อมั่น การลงทุน และอีกสารพัดอย่างให้ติดเครื่องขึ้นมาให้ได้
ขืนปล่อยให้ปีหน้าเป็นอย่างนี้อีก บรรดาเจียงกุน ขุนพลทั้งหลายที่ปฏิวัติมาคงลำบาก
เห็นทีโดนลูกหลานอาม่ารุมสกรัม จับไปทำกุนเชียงกันได้ง่ายๆ


