posttoday

เสื้อสามัคคี

08 ธันวาคม 2557

สีของความเป็นชาติ มิใช่ใส่เสื้อสีเพื่อออกไปปลุกปั่นแบ่งแยกประเทศเหมือน นักเคลื่อนไหววางบิลเคยกระทำ

โดย...อสนีบาต

ขออนุญาตเอ่ยถึงอีกครั้งในบรรยากาศแห่งความปลาบปลื้มปิติ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.57  พสกนิกรชาวไทยพร้อมใจสวมใส่เสื้อเหลืองแสดงถึงความจงรักภักดี

กิจกรรมเทิดพระเกียรติปีนี้  ไม่ว่าเป็นการจุดเทียนชัยถวายพระพร  การแสดงศิลปวัฒนธรรม ดนตรี กีฬา ที่สื่อถึงการเทิดไท้องค์ราชัน  สัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมา

มิใช่แตกต่างเรื่องรูปแบบ แสง สี เสียง    แต่แตกต่างในแง่ความพร้อมจิตพร้อมใจของประชาชนคนไทย หลั่งไหลเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคักในหลายพื้นที่

นอกจากร้านรวงนำเสื้อเหลืองออกมาจำหน่ายดาษดื่นตา  ในส่วนคนที่มีเสื้อเหลืองอยู่แล้วค้นตู้นำออกมาทำความสะอาดสวมใส่อย่างเต็มความภาคภูมิใจ

หลายต่อหลายปี มีความพยายามของนักการเมืองผู้ครองอำนาจ และ นักเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชน สร้างสัญลักษณ์ในเชิงสวมใส่สีเสื้อ ให้เกิดการแบ่งแยกคนไทยด้วยกัน 

ทั้งที่ก่อนหน้านั้น คนไทยจะสวมใส่เสื้อสีใด หรือจะเป็นเสื้อสีมงคลก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องการเมืองให้รกสมอง คิดแต่เพียงทุกสีมีความสวยสดงดงาม นำมาซึ่งความสุขสงบ ร่มเย็น  แต่เพราะนักการเมืองเองและพวกปลุกระดมแท้ๆที่ทำให้สีเสื้อต้องหมองหม่นไปด้วย

เมื่อเห็นคนใส่สีเสื้อแตกแต่งก็เขม่นใส่กันนำมาซึ่งความรุนแรง หลายรายนำเสื้อสีเก็บใส่ตู้จนขึ้นรา ไม่กล้านำออกมาใส่เดินตามท้องถนน

ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความรักและเป็นห่วงบ้านเมืองพยายามสื่อสารหลายต่อหลายหนเพื่อยุติสงครามสีเสื้อให้คำนึงว่า เราทุกคนมีสีเดียวกันคือ สีของความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เพราะความไม่กังวลสีเสื้อกันอีกต่อไป สะท้อนไปถึงความสำนึกรักสามัคคี เริ่มเด่นชัดขึ้นหากเทียบกับหลายต่อหลายปีที่ผ่านมา  คนที่มัวแต่กระดกลิ้นท่องแต่คัมภีร์ นักการเมืองของข้าดีที่หนึ่งเลย  ได้เบิ่งตามองถึงความเป็นไปในขณะนี้บ้างหรือไม่   

แม้แต่นักวิชาเกิน ที่เก่งแต่ปากแต่หนีไปกบดานต่างประเทศ ที่วันๆส่งข้อความมาตามสำนักพิมพ์อิงแอบอำนาจเก่า พาดพิงสถาบันในทางไม่เหมาะสม  กรุณารับรู้ต่อข้อเท็จจริงในตอนนี้ด้วยว่าประชาชนคนไทยต่างใช้ชีวิตอย่างปกติ 

นักการเมืองผู้เอ่ยอ้างประชาธิปไตยเต็มขั้น นักวิชาเกิน เคยสำเหนียกสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่ว่า เหตุใดประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ถึงกลับมามีความพร้อมและเต็มใจที่จะได้สวมใส่เสื้อสีเดียวกัน คือ สีของความเป็นชาติ  มิใช่ใส่เสื้อสีเพื่อออกไปปลุกปั่นแบ่งแยกประเทศเหมือน นักเคลื่อนไหววางบิลเคยกระทำกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง  ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ รัฐบาลคสช.ตามที่พวกอำนาจเก่ายัดเยียดว่ามีการสั่งบังคับ  หรือไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกฎอัยการศึก แต่ควรมองให้ออกภายใต้สถานการณ์พิเศษ ที่รัฐบาลและคสช. ได้พยายามทำให้ประชาชนได้อยู่กินอย่างเป็นสุข จึงทำเกิดการก่อตัวของความรักสามัคคีไม่มีสีเสื้อ

ผู้ที่กำลังเตรียมลงเล่นในสนามประชาธิปไตยในอีกสองปีข้างหน้า  สมควรตระหนักถึงสีของความเป็นชาติให้มาก หมั่นทบทวนบทเรียนที่ทำให้ผู้คนต้องแสยงสีเสี้อมันมาจากเหตุใดกันหนอ ถ้าไม่ใช่มาจากพวกนักการเมืองเถื่อนถ่อย ต้องการแบ่งแยกผู้คนด้วยสีเสื้อนั่นเอง

ถามใจตัวเองบ่อย ๆ พร้อมเป็นนักการเมืองที่ดีได้หรือไม่  เราจะเป็นนักเคลื่อนไหวที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ประชาชนที่ได้รับการกดขี่ข่มเหง

ไม่ใช่เป็นนักเคลื่อนไหวภายใต้อุ้งบาทาของเศรษฐีที่อยากได้อำนาจ

ถ้าทำได้  บ้านนี้เมืองนี้จะน่าอยู่ขึ้นเยอะ