แมวลายพราง
ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี
นั่นคืออมตะวาจาของ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำที่ได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งจีนยุคใหม่
เติ้งเสี่ยวผิง กล่าวประโยคดังกล่าวในช่วงที่จีนกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจและผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ โดยแนวคิดของ เติ้งเสี่ยวผิง ก็คือต้องนำเอารูปแบบทุนนิยมเข้ามาผสมผสานในการแก้ไขปัญหา
แนวคิดของ เติ้งเสี่ยวผิง ฉีกตำราเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ที่มีอยู่ในโลก เนื่องจากไม่เคยมีประเทศคอมมิวนิสต์แห่งใดนำระบบทุนนิยมมาใช้ในการพัฒนาประเทศมาก่อน
นี่แหละ เป็นการมองที่เนื้อหามากกว่ารูปแบบ มองผลที่จะได้รับมากกว่ารูปร่างหรือองค์ประกอบภายนอก
และสิ่งที่ เติ้งเสี่ยวผิง กระทำ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของจีน ทั้งการเปิดรับทุนจากต่างประเทศ การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ฯลฯ สร้างรากฐานด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้กับจีน
ขณะเดียวกัน เติ้งเสี่ยวผิง ยังประกาศแนวทางการเมืองที่สำคัญ นั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า 1 ประเทศ 2 ระบบ เพื่อใช้แก้ปัญหาการรวมเกาะฮ่องกง มาเก๊า และหวังจะรวมชาติกับไต้หวันเข้ากับจีน
1 ประเทศที่ว่า คือ ความเป็นจีนเดียวโดยสมบูรณ์
ส่วน 2 ระบบ คือ ความปรองดองระหว่างการปกครองด้วยระบบสังคมนิยม กับระบบทุนนิยมของฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ที่ถึงแม้จะแตกต่างแต่ก็เป็นชาติเดียวกัน
ทั้งหมดเป็นการฉีกตำรารัฐศาสตร์ ฉีกระบบการเมืองการปกครองที่เคยบัญญัติไว้โดยโลกตะวันตกอีกครั้ง
ไม่เคยมีประเทศใดในโลกปกครองด้วยรูปแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบมาก่อน
การปกครองด้วยวิธีดังกล่าว เป็นการมองที่เนื้อหามากกว่ารูปแบบ เป็นการมองที่ผลมากกว่าองค์ประกอบภายนอกอันสวยหรู
แนวทางการปกครองของจีนจึงเป็นวิถีตะวันออก โดยจีนก็เรียกขานระบบของตัวเองว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบจีน
ย้อนมาดูบ้านเมืองเราติดกับดักประชาธิปไตยแบบตะวันตก ติดรูปแบบที่ยึดโยงจากฝรั่งมาเนิ่นนาน ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมของไทย
การปฏิรูปที่กำลังเกิดขึ้น จึงต้องดำรงเป้าหมายสำคัญคือ เป็นการแสวงหาแนวทางของตัวเอง ยึดเนื้อหามากกว่ารูปแบบ ยึดประโยชน์มหาชนมากกว่าพิธีกรรมทางการเมือง
บ้านเมืองเราหลงเดินตามรูปแบบของแมวตาน้ำข้าวมาเนิ่นนานแล้ว
คราวนี้ให้แมวลายพรางหาทางจับหนูให้บ้านเมืองบ้างเถอะ


