หลงเงาตนเอง
หากตัดภาพมวลมหาประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณจำนวนนับล้านคนออกมาแสดงเจตจำนงไล่รัฐบาลจน
โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
หากตัดภาพมวลมหาประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณจำนวนนับล้านคนออกมาแสดงเจตจำนงไล่รัฐบาลจน ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองเมื่อปีที่ผ่านมาออกไปก่อน
เอาแค่การเดินรณรงค์เพื่อเชิญชวนมาปิดกรุงเทพฯ วันที่ 13 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จำนวน 3 วันที่ผ่านมา พบเห็นประชาชนทุกชนชั้น ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ผู้ใช้แรงงานให้การตอบรับล้นหลาม หยุดรอควักเงินเตรียมหย่อนลงในถุงพลาสติกเพื่อสนับสนุนมวลมหาประชาชนขับเคลื่อน ต่อสู้กับรัฐบาลไร้ความชอบธรรมต่อไป
ทำให้ย้อนนึกไปถึงนักการเมืองผู้ชอบกล่าวหาว่ามวลมหาประชาชนจัดฉากบริจาคเงิน สมควรพาเข้าเครื่องสแกนต่อมสำนึกเพื่อหาความจริงให้ได้ว่านักการเมืองเหล่านี้คิดได้อย่างไร หรือใช้ฐานความคิดมาจากกมลสันดานของตนที่เคยถนัดแจกเงินเกณฑ์ประชาชนมาแสดงพลังทางการเมือง
แม้แต่ข้อกล่าวหาเป็น “ม็อบขี้ยา” พร้อมกับวาดภาพมวลมหาประชาชนชอบสร้างความรุนแรงโดยออกมาเตือนอย่าทำลายทรัพย์สินราชการก็คงคิดว่ามวลมหาประชาชนได้รับการปลูกฝังพฤติกรรมเลวจากแกนนำปลุกระดมให้มีการเผาเมืองปี 2553 ถึงขั้นไล่ล่านักการเมืองและประชาชนฝั่งตรงกันข้าม
เมื่อนักการเมืองที่ยังจมปลักอยู่แต่ความคิดว่าการเคลื่อนไหวมวลมหาประชาชนเป็นเกมการเมืองชิงอำนาจระหว่างนักการเมืองด้วยกัน หาได้มองไกลไปกว่านั้น ว่านี่คือเรื่องของพลังประชาชนกำลังนำหน้านักการเมืองสู่การปฏิรูป
ย่อมทุบโต๊ะได้เลย ตราบใดยังไม่เปลี่ยนความคิด ดักดานหลงเงาตัวเองเช่นนี้ ย่อมถูกเขี่ยพ้นกระดานประชาธิปไตยที่จะมีการปฏิรูปในที่สุด


