ปัจจัยชี้ขาด

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

สถานการณ์ในปัจจุบันทำท่าจะเป็นเกมที่เกิดความพยายามไม่ให้จบในเวลาอันสั้น รัฐบาลรักษาการ กำลังเดินเกมดึง ยื้อเวลา เพื่อให้ไปถึงวันที่ 20 ก.พ. เพื่อเลือกตั้งครั้งใหม่

เป็นการเข้าสู่ทุ่งสังหารทางการเมือง ที่รัฐบาลหวังเงื่อนไขการคุมกลไกอำนาจรัฐ ความได้เปรียบจากฐานคะแนนเสียงในภาคอีสานและภาคเหนือเข้าช่วงชิงชัยชนะ

ข้อเสนอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคำประกาศว่าถอยจนไม่รู้จะถอย การไปตั้งหลักที่ภาคเหนือ หรือแม้กระทั่งประกาศตั้งเวทีรับฟังข้อเสนอปฏิรูปการเมือง ก็ล้วนแต่เป็นการดึงเวลายื้อเอาไว้ทั้งสิ้น

เพราะยิ่งดึงยื้อเวลาออกไปได้มากเท่าใด มวลชนประชาภิวัฒน์ต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นเป็นลำดับ

มวลชนที่ร่วมชุมนุม หากเผชิญกับเวลาที่ยืดเยื้อ ก็จะยิ่งมีความกังวลมากขึ้น

กังวลถึงทิศทางในอนาคต กังวลผลถึงผลที่ตามมา โดยเฉพาะที่สำคัญก็คือความเหน็ดเหนื่อย ความล้า จากการชุมนุม

นี่แหละคือสิ่งที่รัฐบาลต้องการยื้อเวลา เพื่อทำให้มวลชนเบื่อหน่าย ลดจำนวนลงจนถึงขั้นสลายตัว

เป็นยุทธวิธีมึงมากูมุด มึงหยุด กูแหย่ มึงแย่ กูตี มึงหนี กูตาม

มึงมากูมุด คือการหลบหลีก ไม่ปะทะ ในช่วงที่มวลชนเข้มแข็ง

มึงหยุดกูแหย่ เมื่อมวลชนเผลอ จะแหย่ โจมตีเก็บเล็กเก็บน้อย ทำลายกำลังใจลงไปเรื่อยๆ

มึงแย่กูตี ถ้ามวลชนกำลังอ่อนเมื่อไรจะมีการระดมกำลังเข้าโจมตี

มึงหนีกูตาม เมื่อมวลชนแพ้ จะเข้าติดตามไม่ปล่อยมือ

ทั้งหมดดำเนินการสอดประสานการสารพัดข่าว ทั้งข่าวปล่อย ข่าวลวง ข่าวจริง สร้างความหวั่นไหว สอดประสานทั้งระดับในประเทศและต่างประเทศ

แต่แน่นอนว่า แกนนำมวลชนประชาภิวัฒน์ มองออกถึงสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ

สิ่งที่ประชาภิวัฒน์ ทำก็คือการเคลื่อนไหว เดินไปข้างหน้าให้เห็นอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นการไปพบกับองค์กรนักธุรกิจ การพบกับสื่อมวลชน การสัมมนาใหญ่ การเข้าพบผู้นำทหาร ฯลฯ

ทั้งหมดคือการหล่อเลี้ยง รักษามวลชนเอาไว้ ไม่ให้สลายตัว

เงื่อนไขสำคัญและเป็นปัจจัยแรกๆ แห่งการแพ้ชนะในยามนี้จึงอยู่ที่ใครอดทนได้นานกว่ากัน

และคำตอบสุดท้ายคงอยู่ที่หัวใจของมวลมหาประชาชนคนไทยเท่านั้น...!!!