อาการร่อแร่
สถานการณ์การเมืองในขณะนี้เหมือนกับการสะสมความร้อนระอุ รอปะทุ ระเบิดอย่างรุนแรงในวันใดวันหนึ่ง
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
สถานการณ์การเมืองในขณะนี้เหมือนกับการสะสมความร้อนระอุ รอปะทุ ระเบิดอย่างรุนแรงในวันใดวันหนึ่ง
จะออกหัว ออกก้อย อาจจะอีกไม่นานคงได้รู้ผล
แม้นายกรัฐมนตรีจะออกแถลงส่งสัญญาณพร้อมเจรจา แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
คำพูดของนายกฯ อาทิ มีความตั้งใจจะหารือ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ ขจัดความขัดแย้งทางการเมือง มันอาจจะสายเกิน
ยิ่งเฉพาะข้อเสนอแต่ละอย่างเพื่อแลกกับการให้ยุติการชุมนุมฟังไม่ขึ้นเลย
อาทิ การพร้อมเปิดเวทีให้พูดคุย ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ เพราะความจริงปรากฏชัด ทั้งๆ ที่เคยมีเวทีในการพูดคุยอย่างในสภา แต่กลับไปปิดปากไม่ให้พูด ไม่ให้อภิปราย จึงเป็นเหตุทำให้ต้องออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา
แล้วจะมาบอกว่าเปิดเวทีให้ จะไปชักจูงใครให้เห็นคล้อยตาม
ขณะเดียวกัน ขณะที่นายกฯ ออกมาบอกให้ลดความขัดแย้ง แต่อีกซีก สส.พรรคเพื่อไทย ดันไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากที่มีคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
บรรดา สส.เพื่อไทยกลุ่มนี้ตั้งข้อหาศาลรัฐธรรมนูญว่าก้าวล่วงพระราชอำนาจ
สิ่งที่ยกมาอ้างก็คือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ สว. เมื่อนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวาย อยู่ระหว่างในพระราชอำนาจ ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะพักการพิจารณาไว้ก่อน ด้วยเหตุตามมาตรา 8 รัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการระผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้
สส.พวกนี้จึงบอกว่าการตัดสินจึงน่าจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ
นี่แหละ เป็นสิ่งที่มองได้ว่า ปากบอกพูดอย่าง แต่การกระทำของพลพรรคก็ไปทำอีกอย่าง
ทั้งหมดเหมือนเป็นตัวเร่งเร้าให้ทุกอย่างเดินหน้าไปสู่ทางตัน จะยุบ จะลาออก คำตอบที่ได้รับมาก็คือไม่สนใจ
ที่สำคัญความอัดอั้น และจิตวิทยามวลชนจะสะสมมากขึ้น โดยเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับรัฐบาล
ถึงเคยบอกไว้เมื่อครั้งร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เจอปัญหาในช่วงแรกๆ ว่าให้ตัดสินใจทางการเมืองเสีย เมื่อมีเวลาตัดสินใจ
แต่ทว่ากลับดิ้น สู้กันสุดซอย จนต้องเผชิญหน้ากับภาวะคับขันแบบนี้
เป็นสภาพยิ่งอยู่ยิ่งอันตราย
ยิ่งลากเวลาออกไป ยิ่งสาหัส


