ไปทางไหน
สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจอยู่ในขณะนี้
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจอยู่ในขณะนี้
ประเด็นสำคัญที่จะกำหนดทิศทางก็คือการชุมนุมของประชาชน โดยจุดใหญ่ก็คือถนนราชดำเนิน และกระจายเป็นกลุ่มอื่นๆ อีก
เงื่อนปมของเรื่องมันมาขมวดที่จะเดินหน้า หรือหยุดกันเท่านี้พอ
ทั้งหมดต้องเริ่มจากเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการรวมตัวกันครั้งใหญ่ก็คือการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงทำให้พลังประชาชนทุกสาขาอาชีพออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน
เป็นการแสดงให้เห็น เป็นพลังประชาชนของจริง ไม่ใช่ม็อบเติมเงิน
สิ่งที่ตามมาก็คือการถอยสุดซอยของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย โดยพยายามลดเงื่อนไขทั้งหมดของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
นี่แหละ จึงกลายเป็นทางสองแพร่ง
ทางแรก ยุติการชุมนุม โดยเหตุผลก็คือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีเค้าลางจะยุติลงไปแล้ว
หนทางนี้เริ่มมีการผลักดัน สร้างกระแสมากยิ่งขึ้น
ยิ่งเฉพาะเมื่อรัฐบาลพ้นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นั่นก็คือประเด็นปราสาทพระวิหาร ที่ศาลโลกตัดสินออกมาชนิดที่เรียกว่า สูญเสียน้อยกว่าที่เคยคาดเอาไว้
กระแสเสียง ให้หยุดเถิด จึงบังเกิดในขณะนี้
แต่อีกทางก็คือ การชุมนุมยืดเยื้อไปต่อ
เป็นการใช้รากฐานเดิมก็คือการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่แม้รัฐบาลพรรคร่วมรัฐบาลออกมาแถลงยืนยันแล้วจะไม่แตะต้องอีก ก็ยังไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้
ทว่าการเคลื่อนไหวต่อจำเป็นต้องพัฒนาอารมณ์ร่วมของประชาชน โดยเฉพาะต้องมีประเด็นที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก
ไม่เช่นนั้นการวนเวียนซ้ำไปมากับหัวข้อเดิมๆ อีกไม่นานก็จะสร้างปัญหา
เพราะประชาชนจะตั้งข้อสงสัย มาชุมนุมกันทำไมกับเรื่องที่ไม่มีความคืบหน้า หรือไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สักที
อารยะขัดขืน เวอร์ชั่นแรกที่ออกมา ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องมีการแก้ไขกลายเป็นเวอร์ชั่น 2 เวอร์ชั่น 3 ฯลฯ
จากอารยะขัดขืน ก็ต้องมีความคืบหน้า เข้มข้น ไม่เช่นนั้นก็เก็บเวที โบกมือลา
นี่แหละ คืออีกหนทางสำหรับการชุมนุม
และคำตอบสุดท้ายว่า เรื่องทั้งหมดลงเอยไปทิศทางไหน จบหรือเดินหน้าต่อ?
เรื่องนี้คงต้องไปถามประชาชนที่มาแสดงสิทธิ แสดงพลัง
และถามใจตัวเองดีกว่า
จะเลือกกันทางไหน