หยุดเถิด..เพื่อคนคนเดียว
ยังหวังอยู่เล็กๆ ห้วงเวลาที่เหลืออยู่ยิ่งลักษณ์จะตื่นขึ้นมาคำนึงถึงส่วนรวม หันกลับมาเตือนตัวเองจากนี้ไม่ทำอีกแล้ว ขอยืนข้างประชาชนมากกว่าพี่ชาย
โดย....อสนีบาต
แม่น้ำหลายสายไหลรวมเป็นมหาคลื่นพลังมวลชนด้วยเป้าหมายร่วมฌาปนกิจร่างกฎหมายนิรโทษโกง ขอสวดส่งอย่าได้ผุดได้เกิดบนแผ่นดินไทย
ทั้งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงแล้วแถลงเล่า ยอมถอนร่างกฎหมายปรองดองที่ค้างสภาและให้วุฒิสภาคว่ำ ร่างกฎหมายนิรโทษโกง แต่เหตุไฉนมหามวลชนถึงไม่ยอมถอย
ถ้าเป็นฝ่ายรัฐบาลต้องอ้างพวกนี้ได้คืบเอาศอก จ้องล้มรัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลไม่เคยส่องกระจกดูตัวตนเคยทำอะไรกันไว้บ้าง
เหตุที่พลังมวลชนยืนหยัดเหนียวแน่น มาจากพฤติกรรมของเหล่านักการเมืองที่ถนัดลีลาสับขาหลอกเป็นอาจิณ กลายเป็นแรงบ่มเพาะความเสื่อมศรัทธาสะสม แม้มีความพยายามให้พรรคร่วมลงสัตยาบันไม่เอาแล้วร่างกฎหมายนิรโกง แต่จำกันได้ไหม กับคำว่า สัตยาบันฉีก ได้ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในรัฐบาลอดีต เพราะฉะนั้นต่อให้ทำสัญญาอะไรก็ตามย่อมไร้ความเชื่อถืออีกต่อไป
แม้แต่พี่น้องเสื้อแดงโดนรัฐบาลเพื่อไทยต้มเปื่อยกันมาแล้ว โดยเฉพาะแกนนำแดงป่วนเมือง เคยลั่นวาจาไม่ขอนิรโทษ จะเอาคนสั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ สุดท้ายยกมือหน้าสลอนโหวตสนับสนุน
ก่อนหน้านี้แกนนำแดงป่วนเมืองแถลงโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประดิษฐ์วาทะกล่าวหาโดนเพื่อไทยตบหน้าโชว์ศัตรู แต่ครั้นผ่านไปวันเดียวขันอาสาปลุกมวลชน ออกมาชุมนุมพิทักษ์รัฐบาล…เอากับมันสิ....
แทนที่ยกเหตุร่วมกันต่อต้านร่างกฎหมายเนรคุณคนเสื้อแดงซึ่งตนเองเคยมีจุดยืนอันสูงส่ง แต่พูดไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเพราะร่างกฎหมายดันแผ่อานิสงค์ไปถึงเจ้านายดูไบ จึงต้องเค้นกลวิธีตีลังกาสิบแปดตลบ หาเหตุชุมนุมเพื่อรักษาประชาธิปไตย พร้อมกับสุมฟืนไฟอ้างว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เอื้อประโยชน์อภิสิทธิ์-สุเทพ ให้มวลชนเกลียดชังออกกฎหมายช่วยฝ่ายตรงข้ามทั้งที่ร่างกฎหมายนิรโกงเหมาเข่งยังเอื้อประโยชน์ต่อแกนนำป่วนเมืองและเจ้านายผู้แสนดี แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
อีกอย่างลืมไปหรือเปล่า คนในรัฐบาลเพื่อไทยมิใช่หรือ ยกมือหนุนสุดกำลัง
มันแปลกไหมหล่ะพี่น้อง คนไม่ขอนิรโทษอย่างอภิสิทธิ์- สุเทพคัดค้านเต็มกำลัง แต่พวกที่ลั่นวาจาเอาคนผิดมาลงโทษกลับสนับสนุนนิรโทษสุดซอย
ฉะนั้นสังคมพึงพิจารณาเอาเองแล้วกัน นี่คือพวกมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยหรือนักเคลื่อนไหวสวมวิญญาณสุนัขจิ้งจอกกันแน่ ที่น่าสงสารเห็นจะเป็นพี่น้องมวลชนที่เทิดทูนแกนนำป่วนเมืองประดุจคุณพ่อ ทั้งที่เบื้องหลังการถ่ายทำเป็นแค่นายหน้าค้าม็อบดีๆนี่เอง
.........
เอาหล่ะ หลายฝ่ายเคยให้คำแนะนำยิ่งลักษณ์ตั้งแต่เริ่มบริหารประเทศ ต้องเป็นตัวของตัวเอง ลดละห่วงโซ่เครือญาติ เพราะที่ก้าวมายืนโชว์สวยหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทุกวันนี้ เพื่อต้องการให้เห็นภาพความเป็นผู้นำประเทศที่จะพาสังคมชาติเจริญก้าวหน้า หาใช่โรบอทสาว รอกดปุ่มจากศูนย์บัญชาการดูไบ คอยบริการพี่ชาย-พี่สาว เพียงอย่างเดียว ถ้าอยากทำอย่างนั้นควรลาออกไปเป็นผู้รับใช้กิตติมศักดิ์ประจำดูไบดีกว่า
คนเป็นผู้นำชาติหากคำนึงแต่ประโยชน์พวกพ้องวงศ์ตระกูลมาก่อนประโยชน์ส่วนรวมมีแต่เจ๊งตลอดศก ถามว่ายิ่งลักษณ์ฟังไหมตอบได้เลยไม่ฟัง
ขณะเดียวกันรัฐบาลดาหน้าออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์นำม็อบออกมาเพื่อต้องการล้มรัฐบาล นี่ก็เป็นวิธีคิดผิดๆของเหล่าบรรดาผู้จมปลักอยู่แต่เรื่องการแย่งชิงอำนาจ
กรุณาหันไปมองปรากฎการณ์ที่มีมวลชนทุกสาขาอาชีพออกมาแสดงพลังชุมนุมหลายพื้นที่โดยไร้ซึ่งแกนนำ โดยเฉพาะวันที่ 11 พ.ย. หลายจุดในกรุงเทพฯเตรียมออกมาแสดงพลังบริสุทธิ์ค้ดค้านการออกกฎหมายฉบับอัปยศ จนอาจกลายเป็นวันปิดกรุงเทพฯก็ว่าได้
ย่อมแสดงให้เห็นประชาชนคนไทยพร้อมใจสามัคคีร่วมกันแสดงจุดยืนไม่ก้มหัวยอมรับความวิปริตผิดเพี้ยนของนักการเมืองที่กำลังข่มขืนย่ำยีนิติรัฐนิติธรรม จึงนับเป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งลักษณ์พึงตระหนัก
แต่อีกนั่นแหละ นายกฯยิ่งลักษณ์ก็คงยังไม่เข้าใจสักที
เอาอย่างงี้แล้วกัน แนะนำให้เอาคำว่า “เพื่อส่วนรวมมาก่อนคนคนเดียว” ไปท่องให้ขึ้นใจเผื่อดวงตาเห็นธรรม ระลึกถึงความผิดชอบชั่วดีขึ้นมาได้บ้าง
ยังหวังอยู่เล็กๆ ห้วงเวลาที่เหลืออยู่ยิ่งลักษณ์จะตื่นขึ้นมาคำนึงถึงส่วนรวม หันกลับมาเตือนตัวเองจากนี้ไม่ทำอีกแล้ว ขอยืนข้างประชาชนมากกว่าพี่ชาย ถึงวันนั้นบ้านเมืองจะกลับคืนสู่ความสงบ ตัวเองก็อยู่รอด ไม่ต้องลาออก หรือ ยุบสภา
แต่ถ้าไม่สำนึก สุดแต่เวรแต่กรรมแล้วกัน