เพิ่มมูลค่าสินค้า

ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์นี้ เริ่มที่ ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ชี้ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มของคนในภูมิภาคเอเชียเปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาบริโภคอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน และอาหารกระป๋องมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศอาเซียนที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปเจาะตลาดนี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ตลาดอาหารและเครื่องดื่มในเอเชียเติบโตมาก โดยเฉพาะตลาดจีน อินเดีย พม่า กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ยังมีศักยภาพการเติบโตสูง ดังนั้น แนะนำให้ผู้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มเร่งเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า โดยจะแข่งขันด้านราคาไม่ได้อีกต่อไป

สอดคล้องกับ กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ กิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า มีโอกาสการลงทุนในประเทศกลุ่มจีเอ็มเอส ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และจีนตอนใต้ สูง เห็นได้จากยอดส่งออกสินค้าไปตลาดจีเอ็มเอส โดยเฉพาะประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวีที่เติบโตเกือบ 10 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนไทยเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศกลุ่มนี้มากขึ้น อุตสาหกรรมที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องการการลงทุนจากไทย ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อุตสาหกรรมที่ต้องใช้สินแร่และแร่ธาตุธรรมชาติ พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้แนะนำว่านักลงทุนไทยที่ต้องการสร้างโอกาสทางการค้าในประเทศเพื่อนบ้านต้องเพิ่มจุดเด่นให้สินค้าและสร้างแบรนด์ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้

ด้าน วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือกำลังเร่งผลักดันให้ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่อง โดยได้มอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษารายละเอียดการทำนิคมอุตสาหกรรมชายแดนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยไม่จำเป็นต้องย้ายฐานการลงทุนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชายแดนแม่สอด ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เพราะจะได้ประโยชน์ทั้งเรื่องของแหล่งวัตถุดิบและแรงงานพร้อมกันนี้ยังมีแผนสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ในพื้นที่ภาคเหนือโดยเบื้องต้นสะพานแห่งใหม่จะอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด

ปิดท้ายกันที่กระทรวงศึกษาธิการที่จะร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) พัฒนาหลักสูตรมาตรฐานสาขาโรงแรมและการท่องเที่ยวในวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่ง การฝึกอบรมบุคลากรหลักสูตรระยะสั้น 3 เดือน การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนแบบทวิภาคี และการจัดทำกรอบความร่วมมือพัฒนามาตรฐานวิชาชีพด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ที่จบอาชีวะมีความสามารถตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสามารถทำงานได้ทันที ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวของไทยมีความต้องการแรงงานระดับปฏิบัติการรวมไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ใน 4 สาขาหลัก ได้แก่ พนักงานต้อนรับส่วนหน้า แม่บ้าน พนักงานต้อนรับในห้องอาหาร และผู้ปรุงอาหาร