การบ้านทุกชนชั้น

โดย...ชุษณ์วัฏ ตันวาณิช

4 ทศวรรษทั้งที ฮอร์โมนคนตุลาเลยพลุ่งพล่านสูบฉีด เวทีเสวนาผุดเป็นดอกเห็ด อดีตคนตุลาพากันผลุบงานโน้นโผล่งานนี้เป็นว่าเล่น จนใครผ่านไปผ่านมานึกว่ายุคป่าแตก

แต่ที่เพิ่งซี้ดซ้าดสดๆ ร้อนๆ ต้องยกให้ “สหายไท” เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตแกนนำหนุ่มสาวเดือนตุลา ขึ้นปาฐกถา “เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือ ประชาธิปไตย” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ามกลางคนเสื้อแดงแน่นหอประชุมโดม

สหายไท ตีแสกหน้าชนชั้นนำหวงอำนาจจนต้องปราบขบวนการนักศึกษาใน 6 ตุลา 19 หวังสยบพลังคนหนุ่มสาวที่บังอาจก่อการ “ไทยสปริง” เมื่อเดือนตุลา 2516

กวาดล้างนักศึกษาไปยังไม่พอ หลังปราบปรามแล้ว “มหาวิทยาลัย” ยังถูกพลังอนุรักษนิยมแปลงโฉมให้เหลือสถานะแค่ “โรงเลี้ยงเด็กของคนชั้นกลาง” ก่อกำเนิด นักศึกษายุคใหม่ที่ใฝ่ฝันถึงชีวิตไปตามจินตนาการส่วนตัว มากกว่าที่จะมีสายใยใดๆ กับสังคมต้นกำเนิด ไร้สำนึกผูกพันกับชนชั้นผู้เสียเปรียบ!!!

เสียดแล้วสีอีก โดยเฉพาะชนชั้นกลางไทยที่หนุนรัฐประหาร 2549 เสกสรรค์ บ่นอุบเสียดายเป็นกลุ่มคนเคยสร้างคุณูปการใหญ่หลวงขับเคลื่อนต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งเดือนตุลา ปี 2516 และพฤษภาทมิฬ ปี 2535 บัดนี้กลับจากหน้ามือเป็นหลังลิ้น ไอ้ที่เคยเป็นกำลังหลักต่อต้านเผด็จการ มาวันนี้กลับกลายเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของแนวคิดอนุรักษนิยม

“จากพลังที่เคยผลักดันประวัติศาสตร์ให้ก้าวไปข้างหน้า กลายเป็นชนชั้นที่อยากหยุดประวัติศาสตร์ไว้ตรงจุดที่ตัวเองได้เปรียบในทุกด้าน” สหายไทร่ายเป็นชุด เรียกเสียงเสื้อแดงเฮลั่นสนั่นหอประชุม

อาจารย์เสกเกริ่นเป็นนัยว่า “...วันนี้ ผมจำเป็นต้องเอ่ยถึงสภาพดังกล่าวเพื่อบอกกับพวกท่านว่าผมยืนตรงไหนและคิดอย่างไร”

“...ท่านจะสังเกตว่าผมจงใจหลีกเลี่ยงไม่เอ่ยชื่อตัวละครที่เป็นบุคคลหรือองค์กรจัดตั้งใดๆ ออกมา เพราะผมอยากจะชวนท่านมามองปัญหาประชาธิปไตยไทยในระดับโครงสร้าง”

แม้ระบุสีไม่แน่ชัดไม่เป็นไร แต่บรรยากาศหอประชุมใหญ่ยังเข้มข้น คึกคัก เรียกเสียงเฮเป็นระยะ ก่อนอดีตแกนนำตุลาจะทิ้งโจทย์ใหญ่ในช่วงท้ายว่า ...ประชาธิปไตยมีหลายส่วน คนชายขอบที่ถูกทอดทิ้งจากการพัฒนาระบบทุนนิยม คนเหล่านี้บางครั้งอาจขัดแย้งกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบ้าง แต่เขาไม่ใช่ศัตรูของประชาธิปไตย!!

“...ผู้รักประชาธิปไตยที่สังกัดพรรคทั้งหลายอาจต้องฝึกวางเฉยบ้าง เมื่อรัฐบาลที่ท่านเลือกถูกประชาชนกลุ่มอื่นคัดค้านหรือถูกวิจารณ์ในบางเรื่องบางราว และถ้าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการเมืองภาคประชาชนกับระบบรัฐสภาได้ ก็จะต้องถือว่าเป็นประโยชน์มากทีเดียว” สิ้นประโยคนี้เล่นเอาทั้งฮอลล์เงียบกริบไป 5 นาที

เอาเป็นว่าคอร์สประชาธิปไตยปิดคลาส สหายไท ฝากการบ้านเล่มใหญ่ให้ทุกชนชั้น อิอิ...