ส้มหล่นคนมีตังค์

โดย...สันทัด กรณี

ท่านผู้อ่านคุ้นเคยกับประโยคนี้ไหมครับ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ” คำขวัญอมตะของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม

ผมเองเกิดไม่ทันยุคของเจ้าของคำขวัญ แต่เกิดมาก็ได้ยินติดหูฝังใจ และหลายยุคหลายสมัยคำขวัญนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้คนไทยสนับสนุนสินค้าไทย เพื่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้วยการพึ่งพาตนเองเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ของคนไทย

ต่อมาก็ได้ขนลุกซู่ เมื่อพี่ๆ นิสิต นักศึกษา เดินนำหน้าออกมาต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น สนับสนุนคนไทยใช้ของไทย แล้วก็เห็นพี่ๆ เขาใส่เสื้อผ้าดิบ สะพายย่าม รองเท้ายาง โอยเด็กอย่างผมมองด้วยความปลื้มพี่เขา...มันเท่มาก

พอเป็นหนุ่มขึ้นมา ก็โน่นเลย เสียงน้าแอ๊ด คาราบาว ดังกระหึ่ม “เมด อิน ไทยแลนด์ แดนดินไทยเรา เก็บกันจนเก่า เรามีแต่ของดีดี มาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย มาลพบุรี อยุธยา ธนบุรี ยุคสมัยนี้ เป็น กทม.” เพลงน้าแอ๊ดเพลงนี้ดังมาก ดังข้ามประเทศ ยุคนั้นผมไปยืนฟังกลางห้างดิวตีฟรีบนเกาะปีนัง ช่วงปี 2528 ขนลุกซู่ ไม่กล้าควักกระเป๋าสตางค์ (ฮา)

ครับ...ชักแม่น้ำทั้ง 5 มาเนี่ย เพื่อแจ้งว่าไอ้ทั้งหมดที่พูดมามันเชยเสียแล้ว รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่านเลิกแล้ว จะไม่เอาแล้วกับแนวทางไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ

เพราะมันไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง...อุ้ย! ไม่ใช่

เพราะมันไม่บูรณาการ ไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้ทัดเทียมอารยะ

เพราะมันทำให้ภาพรวมคนไทยทั้งประเทศ ล้าสมัยไม่อินเทรนด์ ขายขี้หน้าชาวโลกว่างั้นมั้ง

ดังนั้น จากนี้อีกไม่นาน ตามการสั่งการของรัฐบาลให้กระทรวงการคลังไปวางแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงออกมาว่า ต้องทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า หรือ “ช็อปปิ้ง พาราไดซ์” ด้วยการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ นาฬิกา น้ำหอม กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางเพื่อให้ทันกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึง ซึ่งบิ๊กกระทรวงการคลังแย้มว่า จากปัจจุบันที่เก็บภาษีราว 30% ก็อาจเหลือราว 5% จูงใจนักท่องเที่ยวช็อปปิ้งสินค้าเหล่านี้ในเมืองไทย และคนไทยจะได้ไปต้องบินไปช็อปปิ้งแบรนด์เนมที่ต่างประเทศ

เฮ้อ! ผมขอแสดงความยินกับผู้มีอันจะกินที่เคยชินกับสินค้าแบรนด์เนม นอกจากภาษีบุคคลธรรมดาที่ได้รับการปรับลดลงอื้อ ภาษีนิติบุคคลที่ได้รับปรับลดลงอื้อ มาบัดนี้รัฐบาลยังเตรียมมอบของขวัญชิ้นใหม่รัฐยอมเฉือนรายได้เพื่อให้ทุกท่านซื้อสินค้าแบรนด์เนมในราคาย่อมเยา (เอ๊ะ คิดอีกมุม...รัฐบาลท่านอาจเห็นว่า นี่เป็นการเปิดโอกาสรากหญ้าเข้าถึงแบรนด์เนมก็ได้นิ?)

ครับ...ผู้ประกอบการไทย คนในธุรกิจโลคัลแบรนด์ ทั้งหลายโปรดทราบ...เวลาของคุณหมดแล้ว!!!!