posttoday

งามล้ำ"ปูกะปิ๊ก"

02 กรกฎาคม 2556

ปรับครม.รอบนี้เป็นการวางยุทธศาสตร์ปูกะปิ๊กดึงดูดภาพสวย สวยไปหมดทั้งงานมั่นคง-สังคม

โดย...อสนีบาต

เพื่อนพ้องสื่อรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อเช้าวันที่ 2 ก.ค.เป็นไปอย่างคึกคัก  ก็ดูจะแน่นอนหล่ะสำหรับ รัฐบาลปู 5   มีทั้งรมต.ใหม่แกะกล่อง ที่มาจากข้าราชการระดับสูง ทำงานเข้าตาบ้านจันทร์ส่องหล้าได้เป็นถึงรัฐมนตรี มีทั้งอดีตข้าราชการที่จุดยืนมั่นคงไม่ส่งฟ้องคดีการเมืองสำคัญได้รับรางวัลสมนาคุณเป็นถึงระดับรัฐมนตรีว่าการ

ส่วนอดีตรัฐมนตรีจากบ้านเลขที่ 111 ยุครัฐบาลทักษิณ กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกรอบ ถือว่ายี่ห้อ 111 การันตีเพราะก่อนหน้านี้มีสมาชิก 111 ส่วนหนึ่งเข้ามาเป็นรมต.ในครม.ยิ่งลักษณ์ 4 ไปแล้ว เรียกว่าเบียดโควต้าแถวสองแถวสามในพรรคให้ร้องเพลงรอต่อไป

แต่ที่แน่ๆคนที่ควรร้องเพลงแทงข้างหลังทะลุหัวใจ ก็เห็นจะมีดอกเตอร์เหลิม ที่โดนย้ายไปคุมกระทรวงเกรดซี   กับ แกนนำแดงอย่างจตุพร  ผู้ภักดีนายใหญ่ ไม่มีแม้แต่หางตาจากผู้ใหญ่ในพรรคชำเลืองมองให้เป็นรัฐมนตรี 

สำหรับผู้ได้รับเลือกเป็นเสนาบดี คิดทำการณ์ใดรีบเร่งบัดเดี่ยวนี้ เพราะอายุรัฐบาลเหลือแค่ 2 ปี  หรือ ดีไม่ดีอาจแค่ 5 เดือน ด้วยซ้ำ เนื่องจาก ครม.ยิ่งลักษณ์ถนัดปรับครม.โดยเฉลี่ย 5-6  เดือน เรียกได้ว่า นั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ทันติดกาวตาช้าง  มีอันต้องกระเด็นจากตำแหน่ง

เดิมทีแผนปรับครม. วางไว้ช่วงสิงหาคมหรือครบ 2 ปีรัฐบาล  แต่ขยับปรับ เร็วขึ้นปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเพราะภาพลักษณ์รัฐบาลกำลังหม่นหมองเต็มทน  ทั้งนโยบายประชานิยมพ่นพิษผ่านโครงการรับจำนำข้าว  ต้องปรับลดราคารับจำนำ ป้องกันหนี้บานปลาย จนทำเอาพี่น้องเกษตรกร ฐานเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเซ็งไปตามๆกัน

หรือความพยายามผลักดันโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.4 ล้านบาท ต้องสะดุด เป็นผลจากคำสั่งของศาลปกครองกลางให้มีการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชนก่อนลงนามเซ็นสัญญาเอกชนดำเนินโครงการ 

 อีกทั้งปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถลดระดับความรุนแรงได้  พร้อมกันนี้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลบางกระทรวงลอยสัมผัสจมูกสาธารณะชน  เช่นกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มิกลิ่นสวมสิทธิ์รับค่าชดเชยเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมือปี 2553  ปัญหาความขัดแย้งภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ 

เหล่านี้ ล้วนมาจากการวางนโยบายผิดพลาด และการกำหนดตัวบุคลากรคุมกระทรวงประเภทไม่เอาถ่าน  จึงต้องจัดทัพปรับกันใหม่

เห็นได้ว่ามีการวางขุมกำลังกอบกู้โครงการจำนำข้าว  ทั้งนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯและรมว.พาณิชย์  ตามด้วยสองรมช.พาณิชย์  ยรรยง พวงราช ลูกหม้อกระทรวง  ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ คอยแจกแจงตอบโต้  แม้แต่วราเทพ รัตนากร รมต.สำนักและรมช.เกษตรไปกำกับดูแลเรื่องลดต้นทุนการผลิตอีกที

ขณะที่งานสายมั่นคง แม้ ยิ่งลักษณ์นั่งควบรมว.กลาโหม แต่มีสภาพเป็นแค่รัฐมนตรีสั่งการ  ส่วนรมว.ว่าการ ในทางพฤตินัยอยู่ที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา คุณปู่ของกองทัพที่รุ่นน้องให้การเคารพ สามารถประสานงานความมั่นคงฝ่ายพลเรือน และทหาร ให้เกิดความเป็นเอกภาพ 

การแต่งตั้งพล.อ.ยุทธศักดิ์  เป็นเสนาบดีน้อย  เพื่อเพิ่มสัดส่วนในสภากลาโหม  แท็คทีมร่วมกับ ยิ่งลักษณ์ในฐานะรมว.กลาโหมลงมติโยกย้ายนายทหาร ให้เป็นไปตามที่ต้องการ 

งานนี้ทูอินวัน ได้ทั้งเซ็ทกำลังการเมือง-การทหารแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้  ได้ทั้งคอนโทรลกองทัพให้อยู่ในกำมือยิ่งลักษณ์แอนด์เดอะดูไบ

ในแง่การสร้างภาพกลบปัญหา ดังจะเห็นจากการดัน "เจ๊ปิ๊ก" ปวีณา  หงสกุล เป็นรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เพราะทราบกันดี ขณะที่ “เจ๊ปิ๊ก”  อยู่นอกวงอำนาจ ทำงานด้านพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี   อีกทั้งเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายรัฐบาลวนเวียนอยู่กับงานพัฒนาสังคม 

กรณี”เจ๊ปิ๊ก” จึงถือว่ามาได้ถูกที่ถูกทาง(รัฐบาล )  เพราะต่อไปนี้ไม่ใช่แค่ทำให้สาธาระคุ้นเคยมูลนิธิปวีณา แต่กิจกรรม “ ปิ๊กรักเด็ก ห่วงใยสตรี ช่วยเหลือครอบครัว”  แต่ทำให้รัฐบาลโหนกระแสสร้างภาพบวกงานพัฒนาสังคมไปได้อีกนาน  ดูสอดคล้องกับสวนดุสิตโพลที่สำรวจความนิยมภาพลักษณ์ครม.ยิ่งลักษณ์ 5 ผลออกมา เจ๊ปิ๊ก นำโด่งอันดับ 1

จากนี้ก็จะมีภาพการห่วงใยดูแลปัญหาสังคมรายวัน  กลบทั้งเสียงตำหนิสองปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยใส่ใจแก้ปัญหาสังคม   ช่วยกลบทั้งเรื่องราวความผิดปกติภายในกระทรวง เช่นกรณีเงินชดเชยค่าเผาเมือง ให้เงียบหายกันไปด้วย 

ปรับครม.รอบนี้  เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ เป็นการวางยุทธศาสตร์ปูกะปิ๊กดึงดูดภาพสวย  สวยไปหมดทั้งงานมั่นคง-สังคม  หวังเบี่ยงเบนกลบขยะที่อยู่ใต้พรม

ข่าวล่าสุด

หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.30 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่ รับเคาะวันเลือกตั้งชัดเจน 8 ก.พ.69