ตรวจแนวรบนอกกำแพงทำเนียบรัฐบาลเหล่าไพร่พลทหารเลวตามแนวหินโสโครกรับสัญญาณแม่ทัพจากนอกประเทศเคลื่อนไหวคึกคัก

มวลชนด้านหนึ่งแสดงพลังท้าทายตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งความหวังไว้ไกลไปให้ถึงยุบองค์กรอิสระแห่งนี้กันไปเลย แล้วก็ยกศาลพระภูมิเป็นที่พึ่งปกป้องคุ้มภัย

อีกด้านหนึ่งจากปัญหาเงินบาทแข็งค่า มีเสียงเรียกร้องจากฝ่ายบริหารในทำเนียบฯ ทุก 3 เวลาหลังอาหารให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ย   แต่ ประสาร ไตรรัตน์วรกุลผู้ว่า ธปท.ยึดหลักรอบคอบต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพียงแต่ไม่ถูกใจพวกฮาร์ดคอร์สวมเสื้อสีแดง จัดกำลังไปขับไล่ผู้ว่า ธปท

น่าขันกับข้อเรียกร้องให้ผู้ว่า ธปท. มีความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจการเมืองไม่รู้ว่าคนยื่นหนังสือกับคนเขียนข้อเรียกร้องคนเดียวกันหรือไม่  เพราะรู้กันอยู่ที่ ธปท. ดำรงสถานะมาถึงขนาดนี้ได้ มีความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อุ้งบาทาฝ่ายการเมือง

แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ฝ่ายการเมืองจากทำเนียบฯ ออกมาแทรกแซงผู้ว่า ธปท. 

ขอโทษทีเถอะฝากถึงคนร่างหนังสือไล่ผู้ว่า ธปท. ถ้าไม่โง่ก็ปัญญาไม่แข็งแรง ควรคิดกลับกัน ถ้าไม่อยากให้ ธปท.ตกอยู่ใต้อำนาจการเมืองมันก็ควรแห่ไปแสดงพลังยับยั้งพฤติกรรมรองนายกฯ ไวต์ไลน์ในทำเนียบฯ ที่ลุแก่อำนาจแทรกแซงแบงก์ชาติมิใช่หรือ

สังคมชาติกำลังกลับตาลปัตรสิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ แต่สิ่งไม่ควรทำกลับทำ

บ้านนี้เมืองนี้มีรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งบริหารชาติด้วยความสงบเรียบร้อยดีอยู่แท้ๆ แต่วันดีคืนดี สาวกอารมณ์ค้างยังรวมตัวตามราวีในยามที่องค์กรประชาชนนักการเมืองฝ่ายค้านลงพื้นที่ งัดมีดผาด้ามไม้ใช้วาจาตะเพิดคนไทยด้วยกันราวกับหมูกับสุนัขแบบว่าพื้นที่ข้าใครอย่าแตะ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบรรพบุรุษออกโฉนดที่ดินทุกตารางวาในจังหวัดกินแผ่ไปทั้งประเทศให้สาวกอารมณ์ค้างเท่านั้นหรือใครถึงเหยียบย่ำไม่ได้ 

สร้างความแปลกประหลาดในบรรยากาศคุยโวเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอีกนั่นแหละท่านทั้งที่สากลโลกเข้าใจตรงกันความเป็นประชาธิปไตย คือการที่ทุกคนต่างมีสิทธิมีเสียงแสดงความเห็นจะไปไหนมาไหนก็ได้ ภายใต้กรอบกำหนดของกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ

แล้วเหตุใดถึงมาละเมิดสิทธิ 

มีข้อไหนในกรอบกติการัฐธรรมนูญยกเว้นให้สาวกอารมณ์ค้างไล่ล่าตีศีรษะผู้เห็นต่างตามอำเภอใจ  เพราะประชาธิปไตยในความหมายของกลุ่มคนอารมณ์ค้างคือ ต้องมีพวกข้าเท่านั้นที่ครองประเทศ ใครเห็นต่างออกไปให้พ้น หากดื้อด้านคัดค้านต้องใช้กำลังประทุษร้าย

นิยามประชาธิปไตยสไตล์ของข้า คือ ไม่มีกฎหมาย ไม่มีกระบวนการคานอำนาจ ไม่ต้องมีศาลไว้ไกล่เกลี่ย ความถูกผิดตัดสินด้วยพลังไร้อารยะเท่านั้น อยู่กันแบบบ้านป่าเมืองเถื่อนกันไป นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก 

จำได้ว่านักการเมืองจะพันธุ์เหลี่ยมเล่ห์แบบไหนก็ตามเคยเห็นด้วยกับ ส.ส.ร.ที่ออกแบบให้มีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญด้วยความหวังว่าจะได้มีองค์กรออกมาทำการตรวจสอบคานอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง 

เมื่อมีคดีความตัดสินเป็นคุณก็ชื่นชมยินดีมีความยุติธรรมแต่ถ้าตัดสินไม่ถูกใจก็หาสารพัดเหตุโจมตีถึงขั้นขับไล่ไปถึงให้ยุบองค์กรอิสระกันเลยทีเดียว 

น่าสมเพชก็เพราะเป็นคนการเมืองเหล่านี้มิใช่หรือที่เคยเห็นดีเห็นงามให้มีองค์กรอิสระ ด้วยคำพูดสวยหรูนี่คือฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญ 

แต่วันนี้เปลี่ยนแปลงความหมายให้ถอยต่ำในวันที่กำลังแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้กลายเป็นปฏิเละการเมือง