อาการน่าห่วง
ปัญหาทางเศรษฐกิจที่จะต้องเจอต่อไป เห็นทีหนีไม่พ้นการขาดดุลการค้า และดุลงบประมาณ
ปัญหาทางเศรษฐกิจที่จะต้องเจอต่อไป เห็นทีหนีไม่พ้นการขาดดุลการค้า และดุลงบประมาณ
สำหรับดุลการค้าไม่เพียงแต่การส่งออกจะมีปัญหา แต่การนำเข้ายังมีอัตราเร่งเกินปกติที่ชัดเจน อาทิ จากนโยบายรถยนต์คันแรก
โครงสร้างการผลิตรถยนต์ ต้นทุนสำคัญประมาณ 60% ก็คือชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ โดยแยกเป็นชิ้นส่วนภายในและต่างประเทศ
แน่นอนที่สุด ชิ้นส่วนต่างประเทศก็ต้องนำเข้า เสียเงินแน่
ส่วนชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ถ้าศึกษาให้ดีจะพบว่าจะต้องใช้วัตถุดิบหลัก 3 อย่าง คือ เหล็ก พลาสติก และยางพารา
ปรากฏว่าวัตถุดิบที่เราผลิตได้เองมีเพียงยางพารา ซึ่งมีสัดส่วนแค่ 10% ของวัตถุดิบทั้งหมดเท่านั้น
แต่วัตถุดิบหลักอื่นๆ อาทิ เหล็ก ที่มีสัดส่วนถึง 70% ต้องนำเข้า ขณะที่พลาสติกมีสัดส่วน 20% ก็นำเข้าเป็นส่วนใหญ่
สรุปแล้วรถทั้งคันจะต้องนำเข้าวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ไม่ใช่ทางตรงก็ทางอ้อมเป็นส่วนใหญ่
รถยนต์คันแรกคาดว่าจะมี 1 ล้านคัน ขายคันละ 6 แสน-1 ล้านบาท มูลค่าจะตกอยู่ที่ 6 แสนล้าน-1 ล้านล้านบาท
ทั้งหมดจะต้องนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนประกอบ แล้วจะไม่ขาดดุลการค้าได้อย่างไร
มิหนำซ้ำ การผลิตรถยนต์มากมาย ก็เท่ากับเป็นการเร่งการใช้น้ำมัน ยอดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศก็ต้องถีบตัวตาม
นโยบายรถคันแรกจึงส่งผลโดยตรงถึงดุลการค้าของประเทศ
และสิ่งที่แน่นอนก็คือ นโยบายนี้จะส่งผลถึงดุลการคลัง เนื่องจากจะต้องเสียงบประมาณชดเชยไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท
กระทรวงการคลังถ้าไม่สนใจเสถียรภาพ ไม่สนใจดุลการค้า ไม่สนใจดุลงบประมาณ ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
อาการหนัก น่าห่วงเอาจริงๆ