posttoday

ประเด็นร้อน7ธ.ค.

07 ธันวาคม 2555

ประเด็นร้อนวันที่ 7 ธ.ค. ต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจและอัยการ มีมติร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพเทือกสุบรรณ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในคดี 91 ศพเหตุชุมนุมทางการเมือง

ประเด็นร้อนวันที่ 7 ธ.ค. ต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจและอัยการ มีมติร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพเทือกสุบรรณ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในคดี 91 ศพเหตุชุมนุมทางการเมือง ปี 2553

ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเดือดแน่นอน ขณะที่เนื่องในโอกาสเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ยังมีการเฉลิมฉลองกันอย่างต่อเนื่อง
         
1.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 19.00 น. โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ รับเสด็จ นับเป็นบรรยากาศที่ดีอย่างยิ่งที่คนไทยทั้งประเทศ จะได้มีโอกาสเปล่งเสียงทรงพระเจริญอีกครั้ง
         
2.ในที่สุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ก็ได้แจ้งข้อหากับนายอภิสิทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลจากการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี2553 ภายหลังศาลอาญามีคำสั่งว่าการเสียชีวิตของนายพันคำกอง เกิดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ จากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์คงอยู่นิ่งไม่ได้แน่ และจะต้องออกมาขับเคลื่อนทางการเมืองทุกรูปแบบเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ดังกล่าวและเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง
         
3.ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยก็เป็นอีกประเด็นที่จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางการเมือง ล่าสุดได้มีหลายฝ่ายออกมาเสนอให้ทบทวนความพยายามในการให้รัฐสภาลงมติเห็นกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เพราะอาจขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เสนอให้ควรทำประชามติก่อนหากต้องการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
         
แม้แต่คนในรัฐบาลเองอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังออกมาแสดงความเห็นว่าควรแก้ไขเป็นรายมาตราแทน แต่ก็ต้องรอดูว่าคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูแลในเรื่องนี้จะตัดสินใจไปในทิศทางไหนดี
         
4.ยังอยู่กับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นในส่วนของเวทีเชิงวิชาการกันบ้าง โดยสถาบันพระปกเกล้าและวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมจัดสัมมนา "เหลียวหลัง แลหน้า 80 ปีรัฐธรรมนูญไทย" ซึ่งได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์และฝ่ายการเมืองมาชี้ความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
        
อาทิ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาและประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนายธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย รับรองว่าเนื้อหาบนเวทีมีส่วนต่อการกำหนดทิศทางการเมืองไทยแน่นอน
         
5.ภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี วันนี้จะมีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยจะพบกับ นายลู ชุนฟางรมช.การรถไฟสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ที่รัฐบาลจีนสนใจจะมาลงทุนเป็นอย่างมาก ต้องรอดูว่าที่สุดแล้วจะมีความคืบหน้าอย่างไร
         
6.ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านงานการต่างประเทศของไทยวันนี้โฟกัสไปที่ นายเลเลืองมิง รมช.ต่างประเทศเวียดนาม เตรียมเข้าพบกับนายสีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่ง เลเลืองมิง กำลังเข้าสู่ตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนคนใหม่ ในปี 2556 ต่อจากนายสุรินทร์ พิศสุวรรณซึ่งกำลังจะหมดวาระ ทำให้เป็นจังหวะดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่เป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนเช่นกัน
         
7.ทีดีอาร์ไอ เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเสวนาจับกระแสจาก AEC สู่RCEP-โอกาสหรือกับดักของประเทศไทย? ในวันศุกร์ที่ 7 ธ.ค. 2555 เวลา13.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
         
8.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลรมว.พลังงาน จะแถลงข่าวเรื่องมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในกรณีการขึ้นราคาก๊าซ LPG/NGV  ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไร
         
9.คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) จะประชุมหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขการออกใบอนุญาต3จี ให้ผู้เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ย่าน2.1 กิกะเฮิรตซ์ หรือใบอนุญาต 3จี ประกอบด้วย 1.ตรวจสอบว่าผู้ชนะการประมูลทั้ง3 ราย มีเอกสารการจ่ายเงินตามระเบียบครบถ้วน หรือไม่ 2.เงื่อนไขออกใบอนุญาตให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) พิจารณารายละเอียด และ 3.เงื่อนไขกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงลดลง 15-20% ซึ่งในเรื่องการกำหนดการลดค่าบริการลงนั้น คาดว่า กทค.ยังไม่สามารถสรุปได้ คงจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการมาศึกษารายละเอียดของโครงสร้างราคาค่าบริการ 3จี ว่าจะลดได้ในอัตราเท่าใด