posttoday

ขบถนอกรีต

16 กรกฎาคม 2555

สังคมควรพินิจพิจารณา นี่คือวิถีประชาธิปไตยตามกรอบรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ ฤาเป็นความพยายามสถาปนาอำนาจตามที่ขบถนอกรีตต้องการ

โดย....อสนีบาต

เหมือนอย่างที่ภาคธุรกิจเอกชนประเมินไว้ก่อนคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อไป เพราะปัจจัยก่อตัวให้เกิดความรุนแรงจากความไม่พอใจปมแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่สุกงอมเพียงพอ 

น่าแปลกระหว่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะเป็นไปในลักษณะค่อยๆผงกหัวขึ้น แต่ฝ่ายฉุดรั้งไม่อยากให้ชาติบ้านเมืองเติบโต กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสียเอง

หากมองถึงปรากฎการณ์ทางการเมืองในรอบหลายเดือนที่ต้องมาลุ้นการตัดสินคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยฝ่ายผู้เห็นต่างเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยครม.และส.ส.เพื่อไทย กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ แต่ละคนแต่ละองค์กรใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่พึงมียื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  หาได้ออกมาร้องแรกแหกกระเชอข้างถนน ปลุกปั่นทำลายสถาบันตุลาการเหมือนอย่างที่เห็นกันอยู่ขณะนี้

ดูแล้วเป็นความงามตามระบอบประชาธิปไตยโดยแท้ เพราะ แต่ละคนเดินหน้าเข้าสู่การไต่สวนตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทุกกระเบียดนิ้ว  เช่นเดียวกับ ครม.ยิ่งลักษณ์   พรรคเพื่อไทย ส่งมือกฎหมายเข้าสู่การไต่สวนเช่นกัน นั่นหมายความต่างใช้สิทธิและเคารพกระบวนการยุติธรรมที่กำหนดไว้ในกรอบของกติการัฐธรรมนูญ      

ทว่า บรรยากาศที่ไปด้วยดี  ก็มีมลภาวะเป็นพิษฟุ้งกระจายผ่านแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และนักการเมืองตกงานจากบ้านเลขที่111 ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเองเพื่อแลกตำแหน่งเสนาบดีในอนาคตกลับวาดภาพสร้างจินตนาการให้น่ากลัว ในทำนองศาลรัฐธรรมนูญยึดอำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถามว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นหรือ คำตอบก่อนอรรถาธิบายต้องบอกว่า "จะบ้าหรือไง" เพราะสถานการณ์บ้านเมือง ขณะนี้ก็ยังมีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้เลอโฉมบริหารประเทศ แถมมีอำนาจลงนามแต่งตั้งคนนั้นคนนี้รวมไปถึงพี่น้องว่านเครือทาสผู้ซื่อสัตย์เข้ามารับตำแหน่งทำงานสำคัญ ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจที่สามหรือที่สี่ส่งคนลงมากุมบังเหียน 

นายกฯยิ่งลักษณ์ก็ยังเหาะเหินไปสร้างสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศอยู่ในขณะนี้แถมแต่ละชาติก็ให้การยอมรับความเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย  ไม่ได้เพ้อเจ้อตามพวกวางบิลสร้างจินตนาการมีรัฐบาลอำมาตย์ซ้อนรัฐบาลประชาธิปไตยแต่อย่างใด

ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัตินำโดยท่านประธานสภาฯ สมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์ ก็สุขสบายดี ไม่มีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่ไหนยื่นใบสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เห็นจะมีแต่คำสั่งจากดูไบเท่านั้นแหละ

แม้ก่อนหน้านี้จิตใจของประมุขนิติบัญญัติอยู่ในภาวะยุ่งเหยิงอยู่บ้าง แต่เมื่อตั้งสติพิจารณาเดินตามกรอบกติการัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จากภาพมารก็กลายเป็นแมนในที่สุด อีกทั้งขุนพลพลอยพยักก็ขานรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหากจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกันต่อไปก็ทำให้ถูกต้อง อย่าได้ฝ่าดงระเบิดจากการต่อต้านด้วยข้อเสนอยึดถือตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำเป็นรายมาตราไป

เรียกว่าต้องการเปิดหน้าไพ่บอกกล่าวสังคมให้ชัดเจนไปเลย จะแก้มาตรานั้นมาตรานี้ก็ส่งเข้าสภาตามกระบวนการ จึงไม่เห็นมีไอ้โม่งอำมาตย์ตนไหนเอาปืนมาจี้หัวขัดขวาง

แม้แต่ององค์กรภาคประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างจากเพื่อไทย ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการล้มล้างการปกครอง กลุ่มคนเหล่านี้ก็ใช้สิทธิยื่นเรื่องตามกรอบกติการัฐธรรมนูญมิใช่หรือ และเมื่อผลออกมาไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง พวกเขาก็ยอมรับและทำหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของผู้มีอำนาจในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป  ไม่ได้ออกอาการเดือดเนื้อร้อนใจถึงขั้นจะลอบอุ้มตุลาการไปบีบคอง้างปากให้ออกคำพิพากษาตามที่ตัวเองต้องการเหมือนพวกวางบิลปั่นป่วนขณะนี้

เมื่อมองจากปรากฎการณ์ทั้งหมดจึงได้ข้อสรุป มีนักการเมืองไม่กี่ตนเท่านั้นทั้งที่เป็นแกนนำปลุกระดมมวลชนให้เกิดอาการอาฆาตมาดร้าย ประกาศจุดยืนชัดเจนที่จะล้มตุลาการ  ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รับรู้ถึงสันดานเดิมจ้องเขย่าสถาบันเบื้องสูง

พร้อมกับมีนักวิชาการหัวจรวดทะลุจักรวาลเสนอไอเดียว่ายุบศาลรัฐธรรมนูญและให้ตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ ให้มีอำนาจนำเหนือองค์กรที่ผ่านการออกแบบโดยรัฐธรรมนูญตั้งแต่ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ พอถึงคราที่การตัดสินอะไรที่ไม่เป็นที่พึงพอใจ เอะอะอะไรก็คิดออกแบบองค์กรใหม่ ด้วยการอ้างว่าที่ผ่านมามาจากเผด็จการ ช่างน่างุนงงมันอะไรกันหนอ กับความคิดแบบนี้

สังคมควรพินิจพิจารณา นี่คือวิถีประชาธิปไตยตามกรอบรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ ฤาเป็นความพยายามสถาปนาอำนาจตามที่ขบถนอกรีตต้องการ

ทั้งฝ่ายบริหารอย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อไทย  ฝ่ายความมั่นคง ควรตระหนักคิดให้มากๆ  จะปล่อยให้กลุ่มคนที่พยายามสร้างความคิดนำในทางนอกรีตกฎกติกามารยาทของสังคมไปเช่นนี้หรือ  เพราะปล่อยเลยตามเลยระวังเถิดจะกัดกร่อนรัฐบาลไปเรื่อย ๆ