posttoday

นายหน้าค้าประชาธิปไตย

25 มิถุนายน 2555

หากคิดสร้างประชาธิปไตยเป็นของประชาชนและเพื่อประชาชน ต้องปฏิวัติมวลชนอย่าได้ตกเป็นทาสนายหน้าประชาธิปไตยเหล่านี้

โดย....อสนีบาต      

เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ทำงานอย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยต้องยกให้บรรดาแกนนำการเมือง ที่ปลุกระดมมวลชนมาชุมนุมได้อย่างต่อเนื่อง ทุกเทศกาล งานบุญ งานบาป  ไม่สนกาลเทศะใดๆทั้งสิ้น

แม้แต่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังได้รับผลกระทบความผันผวนเศรษฐกิจยุโรป ถึงขั้นรัฐบาลต้องประชุมรับมือ ปรากฎว่าแกนนำมากความสามารถไม่รู้ร้อนรู้หนาว    หรือแม้แต่ประเทศไทยมีความพร้อมในการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนอย่างไร ข้าก็ไม่สนอีก

ทั้งที่รัฐบาลเสียงข้างมากพยายามบริหารบ้านเมืองให้เป็นไปด้วยความสงบ เดินหน้าหาสาระผลักดันนโยบาย แก้สารพัดปัญหา ก็น่าแปลกแกนนำเหล่านี้พยายามจุดประเด็นเคลื่อนไหวสร้างบรรยากาศหวาดผวาต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน  ไม่รู้สึกรู้สาว่ารัฐบาลที่ตนเองสนับสนุนก็กลุ้มอกกลุ้มใจการกระทำ มึนงงสงสัย 

 เพราะแกนนำเหล่านี้มิใช่หรือ เคยบอกให้ลืมอำมาตย์  เคยบอกบ้านเมืองราบรื่นเพราะได้สลายขั้วอำนาจเรียบร้อย  เพราะแกนนำเหล่านี้มิใช่หรือเคยใช้บริการองค์กรอิสระไล่ล่ายุบพรรคโน้น ไล่คนนั้น  จนมีผลพิพากษาสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง ดีอกดีใจกันยกใหญ่ แซ่ซ้องกระบวนการยุติธรรมให้ความปราณี มีมาตรฐาน   แต่วันนี้พอตัวเองถูกกระทำกลับไม่พอใจ อ้างเลยเถิด ตุลาการรุกคืบ อำมาตย์คืนชีพ ตกลงมาตรฐานของแกนนำเหล่านี้คืออะไร  คำตอบคือ ทุกกฎกติกาบ้านเมือง ต้องเป็นไปตามแกนนำกวาดหวัง กำหนดเท่านั้น         

การจะพัฒนาความเติบโตทางสังคม เศรษฐกิจ สังคม แทนที่จะได้ร่วมกันคิดร่วมกันสรรสร้างแนะนำรัฐบาล ปรากฎว่าแกนนำเหล่านี้ ไม่เคยรับรู้ หรืออาจจะโง่ดักดาน ไม่รู้จริง ๆ  ก็เป็นได้   สิ่งเดียวที่รู้และสนอกสนใจของพวกเขา คืองานถนัดปลุกระดม ที่สามารรถสร้างงานบันดาลสุขให้กับครอบครัวและบริวาร 

อย่างวันที่ 24  มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันครบรอบ 80 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประธิปไตย   แกนนำทางการเมืองก็สามารถกลางปฏิทินจิ้มปากกาวันสำคัญ จัดชุมนุมด้วยการให้เหตุ “บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย”  

ก็เหมือนอย่างที่สาวกเคลิบเคลิ้มเรียกแกนนำแต่ละคน ว่า “ท่าน” เสมอมา ราวกับว่าคนเหล่านี้คือเจ้าชีวิตของพวกเขายกย่องให้เป็นนักประชาธิปไตยสมบูรณ์พร้อมร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีใครเทียบเคียงได้อีกแล้ว   

ไม่ว่าแกนนำคนนั้นจะมีที่มาจากหนุ่มน้อยที่เคยดูถูกสถาบันการศึกษา    ไม่ว่าจะเป็นแกนนำที่ผันตัวจากนักศึกษาใส่เสื้อขาวกางเกงยืนส์ขาดๆ  ตัวผอม หัวเกรียนๆ หิ้วกระเป๋าโหนรถเมล์เดินเข้าไปรับใช้นักการเมืองในสภา  จนติดใจมนต์เสน่ห์การเมืองปวารณาตัวขอภักดีผู้มีอำนาจ ก่อนได้รับแรงสนับสนุนก้าวขึ้นเป็นนักการเมืองตัวยง

จากที่พ่นภาษาผ่านสื่อแต่ไม่มีใครสนใจ ตกสำรวจอยู่สันปกหนังสือพิมพ์  แต่ด้วยความมุมานะพยายามสร้างข่าวในลักษณะจับแพะชนแกะ  ความบ่อยในการสร้างข่าวสามารถเลื่อนฐานะเป็นเจ้าพ่อโรงน้ำแข็ง   โดยมีกลยุทธ์ใช้สื่อในคอนโทรลตีข่าวสนับสนุนทำให้นายโนเนมกลายเป็นคนเด่นดังในบ้านเมือง  เพราะการใช้ยุทธิวิธีบ้าบิ่นโหนกระแสอ้างเพื่อประชาธิปไตยเช่นนี้เอง มันก็พลิกเปลี่ยนชีวิตสุขสบายทางกายทั้งอ้วนท้วนสมบูรณ์ เขยิบฐานะร่ำรวย มีบริวารรายล้อม  คนให้ความสนใจ

ครั้นบ้านเมืองมีวาระเรียกร้องประชาธิปไตย ก็แสดงตัวว่าเป็นผู้กล้าแกร่งเปี่ยมล้นอุดมการณ์โหนกระแสนักเคลื่อนไหวรายอื่นขึ้นมาประกาศตัวมีความสำคัญในการขับเคลื่อนทวงถามประชาธิปไตย

จริงอยู่น่าชื่นชม ต่อการให้เหตุผลสวยหรู “ตามหาประชาธิปไตย”  เป็นการเรียกแขกฟังปราศรัยได้อย่างดี  เพราะยังมีนักอุดมการณ์ประชาธิปไตยในเฉดสีเดียวกับแกนนำกระหายอยากเคลื่อนไหวสิ่งเหล่านี้อยู่

แต่เจตนาลึกๆของแกนนำการเมืองบางตนแล้ว  หากแฝงเร้นด้วยผลประโยชน์ก็ช่างน่าสะอิดสะเอียนเอามากๆ ที่ถนัดเกาะกระแสวันสำคัญจัดชุมนุม เพียงเพื่อให้เกิดกิจกรรมเช็ครายชื่อจำนวนผู้ภักดี ที่เลี้ยงไว้เป็นเกราะคุ้มกบาลในการนำไปสร้างอำนาจต่อรอง

ฐานความคิดประชาธิปไตยในมุมแกนนำบางตน  เน้นรวบรวมไพร่พลเพื่ออ้าง  นื่คือประชาธิปไตยเสียงข้างมากที่จะเอาไปกดดันในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  

ฐานความคิดประชาธิปไตยของแกนนำเหล่านี้ จึงไม่ใช่แค่นำเสนอผ่านตัวแทนที่เรียกว่าผู้แทนราษฎรเท่านั้น แต่แปลงความหมายตัวแทนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้เป็นบทบัญญัติของตัวเอง การมีสิทธิมีเสียงเรียกร้องทุกสิ่งทุกอย่างต้องผ่านนายหน้าประชาธิปไตยข้างถนน

อาศัยปริมาณแต่บอกว่านี่คือเสียงข้างมากนำไปกดดันและกดหัว(ถ้าทำได้) คนในพรรคซึ่งมีพระคุณให้ตำแหน่งแห่งหน ด้วยหวังรุกคืบอยากได้อำนาจมากกว่านั้น      เท่านั้นไม่พอหัวคิดฉลาดหลักแหลมเลี้ยงดูกลุ่มก้อนไม่ต่างกับปลาในกระชังจากกลุ่มเล็กๆ โปรยอาหารเลี้ยงดูจนเติบโตขยายพันธุ์มีความเชื่องพอพร้อมจะจำนนให้ฉีดสารกลายพันธุ์จากปลาสวยงามเป็นพิรันยาเข้าไล่งับผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง ขยายอิทธิพลสร้างความเกะกะระรานข่มขู่เอาชีวิตบุคลากรองค์กรอิสระ  ลามปามสถาบันศาล- ตุลาการ  จนกระทั่งแสดงถึงความมิบังควรก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง 

ความพยายามของนักเสพอำนาจ ที่ต้องการอยากได้อยากดี นับวันถนัดใช้วิธีเยี่ยงนี้มากขึ้น  เพราะฉนั้นกับการเอ่ยอ้างกำลังกรุยทางตามหาจิ๊กซอว์ประชาธิปไตยเพื่อมาเติมเต็มให้สมบูรณ์นั้น  ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การสร้างประชาธิปไตยเพื่อตัวข้าและพวกข้าเท่านั้นเอง

ภาวนาสาธุ วันใดแกนนำบางตนถูกจับได้ไล่ทันถึงกำพืดแท้ ย่อมมีผลให้มวลชนที่มีสติพิจารณาตัดสินใจถอยห่าง และวันใดมวลชนสามารถสร้างพลังภาคประชาชนบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเพื่อตามหาประชาธิปไตยฉบับอยู่ในกรอบกติกา จารีตประเพณี   วันนั้นเหล่าแกนนำกำมะลอจะอยู่ไม่ได้

บทสรุปตามท้องเรื่อง  หากคิดสร้างประชาธิปไตยเป็นของประชาชนและเพื่อประชาชน ต้องปฏิวัติมวลชนอย่าได้ตกเป็นทาสนายหน้าประชาธิปไตยเหล่านี้