posttoday

ยัยแจ๋วตึกไทยฯกับศึกเก้าอี้ดนตรี

28 พฤษภาคม 2555

หากปล่อยให้ เจ๊หน่อย หรือบิ๊กเนมจากบ้าน 111 เข้ามานั่งคุมงานสำคัญมาก ตัวนายกฯจะไม่ต่างกับเสมียนจดบันทึกการประชุม

โดย...อสนีบาต

สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้  ความเคลื่อนไหวภาคการเมืองต้องซี๊ดปากเมื่อได้ฤกษ์ปลดปล่อยอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือสมาชิกบ้านเลขที่ 111 หลังได้รับโทษจากคดีโกงเลือกตั้งด้วยการจ้างพรรคเล็กลงทำการแข่งขัน  กระทั่งกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ส่งเรื่องให้อัยการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

โดยมีพยานหลักฐานจะแจ้งจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพ แกนนำพรรคเล็กดอดไปเจรจาถึงห้องทำงานอดีตรัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.ธรรมรักษ์  อิศรางกูรณ อยุธยา นำไปสู่เหตุการณ์ทางการเมืองประวัติศาสตร์ ยุบพรรคไทยรักไทยพร้อมตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรคยกเข่ง เป็นเวลา 5 ปี

ผ่านมาถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ครบกำหนด อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนจะได้คืนอิสรภาพการเมือง  สามารถใช้สิทธิเลือกตั้ง ลงสมัคร ส.ส.   แต่เมื่อบรรยากาศเลือกตั้งยังไม่มาถึง ต้องเก็บสิทธินี้ใส่กระเป๋าไว้ก่อน  หันมาใช้สิทธิเร่งด่วนอย่างอื่น  ที่แน่ๆสามารถออกมายืนแถวหน้าทำงานทางการเมืองแบบไม่ต้องทำตัวเป็นอีแอบอีกต่อไป

แน่นอนเมื่อถูกจัดให้เป็นไอดอลการเมืองระดับเกรดเอ มีหรือเจ้าของพรรคตัวจริงจะไม่เตรียมจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีรองรับ แต่การจัดตำแหน่งครม.จะให้ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋ากระไรอยู่  ต้องวางหมากรอบคอบ รอจังหวะรุกรับให้ดี     

การปรับครม.บังเกิดแน่ แต่รอไปก่อนจนถึงกรกฎาคม- ต้นเดือนสิงหาคมโน่นแหละ เหตุเพราะเพื่อไทยต้องดูลู่ทางลมฝ่ายค้านจะเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อไหร่ ซึ่งน่าจะไม่เกินช่วงก.ค.เช่นกัน เมื่อรู้เท่าทันมีรัฐมนตรีจะถูกขึ้นบัญชีซักฟอกคนใดบ้าง ตามสไตล์เซียนการเมืองย่านเพชรบุรีตัดใหม่ต้องเดินเกมตัดตอนหนีซักฟอกด้วยการปรับครม.เรียกได้ว่าก่อนไฟจะลามบ้านต้องตัดไฟแต่ต้นลม

แค่รอสัญญาณนายใหญ่เคาะเตรียมลุกจากเก้าอี้รัฐมนตรีกันได้

ครั้นตรวจดูเค้าโครงใบหน้า  เหมาะเหม็งหลายรายเข้ามาเป็นใหญ่รายกระทรวง จะ "เฮียเพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตะพงษ์ไพศาล ก็ดี  หรือ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชชยชัย  หรือ วราเทพ รัตนากร ถึงขั้นแตะๆเก้าอี้กระทรวงการคลัง หรือจะเป็น มือกฎหมายผู้ภักดีอย่าง พงษ์เทพ เทพกาญจนา  ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น 

ไม่นับรวม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ค่อนข้างแน่ขอกลับมาเป็นรัฐมนตรีในโควต้าพรรคพรรคชาติพัฒนา และยังมีพรรคพลังชลของ สนธยา คุณปลื้ม ที่ครานี้จะขอแลกกระทรวงจากวัฒนธรรมมาเป็นท่องเที่ยว และขอตำแหน่งรองนายกฯอีกซะด้วย 

ส่วน "เจ๊ใหญ่" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รายนี้บอกแล้วยังไม่มาขอพาใจไปทำงานบุญก่อน ก็ต้องปล่อยเธอไป เช่นเดียวกับ "หมอมิ๊ง" พรหมมินทร์  เลิศสุริย์เดช  อดีตเลขานายกฯแม้ว  ถ้าไม่นั่งเก้าอีเสนาบดีเต็มตัว ก็ไม่มีทางวางมือการเมืองจะคอยเป็นหัวเรือใหญ่ทีมกุนซือให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ส่วนจะจัดวางไว้ที่ตึกไทยคู่ฟ้าหรือ บ้านพิษณุโลกเดี๋ยวรู้กัน

การปรับครม.ด้วยการดึงไอดอลเกรดเอ มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการอย่างมาก(เฉพาะอดีตไทยรักไทย) ไม่เกิน 4-5 คน มากกว่านี้ไม่เหมาะ  ถามว่าทำไมเอามามากกว่านี้ไม่ได้ คำตอบคือ แต่ละรายจัดอยู่ในระดับมากประสบการณ์ และอาจมากกว่า คนนั่งหัวโต๊ะประชุมครม.หลายเท่า

นึกภาพแล้วกัน เมื่อไอดอลเกรดเอ (อดีตไทยรักไทย) ตามด้วยหัวหน้ากลุ่มที่ไปแตกหน่อเป็นพรรคเล็กๆอีก เมื่อเข้ามายึดหัวหาด  ผสมครม.เกรดซีจากค่ายเพื่อไทย จะเป็นเช่นไร

ไอดอลเกรดเอมีชั่วโมงบินสูงกว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวโชกโชน กว่าครม.เกรดซี  เมื่อเข้ามาแสดงภูมิปัญญา ตัดสินใจงานนโยบายต่างๆ ไม่เพียงจะบดบังรัศมีรัฐมนตรีตรีเกรดซีแต่ยังจะไปกดทับภาพนายกฯ ที่เก่งแค่งานอีเวนท์โชว์ความสวย  ล่าสุดไปโชว์ปรุงอาหารถึงออสเตรเลีย ซึ่งไม่ดีแน่ 

ภาวะผู้นำของนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมยอดขนาดไหน มีนายกฯเหมือนไม่มีผู้นำประเทศ  หากปล่อยให้ เจ๊หน่อย หรือบิ๊กเนมจากบ้าน 111 เข้ามานั่งคุมงานสำคัญมาก ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์จะไม่ต่างกับเสมียนจดบันทึกการประชุมครม.ดีๆนี่เอง

แวดวงการเมืองภายในอ่านใจกันออก ใครเด่นใครด้อย รู้เช่นเห็นชาติกันดี แต่โดยมารยาท ไม่อยากประจานต่อสาธารณะถ้าไม่จำเป็น เว้นเสียแต่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว  

ก็กลับมาที่คำตอบ เหตุใด "เจ๊หน่อย" ขอหลีกทางให้ก่อน  และพี่ชายอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคิดถี่ถ้วนต่อการจัดสรรโควต้าบ้านเลขที่ 111 เข้ามาในครม.ชุดหน้าเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ น้องสาวต้องตกกระป๋องไปเป็นแค่ "ยัยแจ๋วตึกไทยฯ"