หุ้นไอพีโอน้องใหม่ “ดาวรุ่ง-ดาวร่วง” ที่สุดแห่งปี 2568
หุ้นไอพีโอที่สุดแห่งปี 68 “HANN” ครองแชมป์ 2 ตำแหน่ง ปิดเทรดวันแรกและปิดเทรดวันสุดท้ายปี 68 ผลตอบแทนสูงสุด ส่วน “WASH” ปิดเทรดวันแรกผลตอบแทนต่ำสุด ขณะที่ “BKA” ปิดเทรดวันสุดท้ายปี 68 ผลตอบแทนต่ำสุด
KEY
POINTS
- ภาพรวมหุ้น IPO ปี 2568 มีจำนวน 18 บริษัท ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า โดยมีมูลค่าระดมทุนรวม 8,991.70 ล้านบาท
- หุ้น HANN (โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล) เป็น "ดาวรุ่ง" ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดทั้งในวันแรกที่เข้าเทรด (+202.86%) และเมื่อสิ้นปี (+35.71%)
- หุ้น "ดาวร่วง" ที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดในวันแรกคือ WASH (-26.87%) ส่วนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดเมื่อสิ้นปีคือ BKA (-56.11%)
“โพสต์ทูเดย์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลหุ้นไอพีโอในปี 2568 พบว่ามีหุ้นเข้าใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 18 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 8,991.70 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 13,293.24 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 77,759.68 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่มีหุ้นเข้าใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 32 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 20,450.89 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 28,745.25 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 112,806.42 ล้านบาท
โดยหุ้นไอพีโอในปี 2568 แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 6 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 5,477.12 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 9,222.95 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 66,025.29 ล้านบาท
ขณะที่หลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 12 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 3,514.58 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 4,070.29 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 11,734.38 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมหุ้นเข้าใหม่ในปี 2568 พบว่า ปิดเทรดวันแรกเหนือจอง มีทั้งหมด 10 บริษัท เป็นหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน SET จำนวน 1 บริษัท ได้แก่ TURBO (+26.00%)
และหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน mai จำนวน 9 บริษัท ได้แก่ PIS (+20.00%), MOTHER (+15.00%), LTMH (+1.00%), BKA (+36.67%), HANN (+202.86%), SKIN (+201.67%), 88TH (+50.46%), IDG (+26.00%), NTF (+16.67%)
โดยบริษัทที่ปิดเทรดวันแรกผลตอบแทนสูงสุด คือ บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ วันที่ 14 ส.ค.2568 ปิดเทรดวันแรก 2.12 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 202.86% จากราคา IPO ที่ 0.70 บาท
ส่วนปิดเทรดวันแรกต่ำจอง มีทั้งหมด 7 บริษัท เป็นหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน SET จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ ONSENS (-0.49%), ATLAS (-26.00%), MASTEC (-6.90%), SMO (-24.07%)
และหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน mai จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ NUT (-23.53%), WASH (-28.67%), MMM (-15.27%)
โดยบริษัทที่ปิดเทรดวันแรกผลตอบแทนต่ำสุด คือ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ วันที่ 3 พ.ย.2568 ปิดเทรดวันแรกที่ 5.35 บาท ปรับตัวลดลง 26.87% จากราคา IPO ที่ 7.50 บาท
นอกจากนี้ มีหุ้นที่ปิดเทรดวันแรกเท่าราคาจอง มีจำนวน 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT จดทะเบียนในตลาด SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ วันที่ 5 พ.ย.2568 ปิดเทรดวันแรกที่ 8.60 บาท เทากับจากราคา IPO
ขณะที่ปิดเทรดวันสุดท้ายของปี 2568 เหนือจอง มีทั้งหมด 5 บริษัท เป็นหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน SET จำนวน 1 บริษัท ได้แก่ MRDIYT (+1.16%)
และหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน mai จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ PIS (+9.33%), HANN (+35.71%), SKIN (+12.50%), NTF (+3.33%)
โดยบริษัทที่ปิดเทรดวันสุดท้ายของปี 2568 ผลตอบแทนสูงสุดจากราคา IPO คือ บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ วันที่ 14 ส.ค.2568 โดยราคาปิดเทรด ณ วันที่ 30 ธ.ค.2568 อยู่ที่ 0.95 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.71% จากราคา IPO ที่ 0.70 บาท
ในส่วนปิดเทรดวันสุดท้ายของปี 2568 ต่ำจอง มีทั้งหมด 13 บริษัท เป็นหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน SET จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ TURBO (-11.33%), ONSENS (-46.34%), ATLAS (-39.33%), MASTEC (-28.97%), SMO (-32.22%)
และหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใน mai จำนวน 8 บริษัท ได้แก่ MOTHER (-18.57%), LTMH (-10.40%), BKA (-56.11%), NUT (-44.71%), 88TH (-19.27%), IDG (-44.00%), WASH (-40.80%), MMM (-38.55%)
โดยบริษัทที่ปิดเทรดวันสุดท้ายของปี 2568 ผลตอบแทนต่ำสุดจากราคา IPO คือ บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง วันที่ 22 เม.ย.2568 โดยราคาปิดเทรด ณ วันที่ 30 ธ.ค.2568 อยู่ที่ 0.79 บาท ปรับตัวลดลง 56.11% จากราคา IPO ที่ 1.80 บาท


