ก.ล.ต. กล่าวโทษ 18 ราย คดีปั่นหุ้น OTO ส่ง DSI - ปปง. ดำเนินคดี

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดจำนวน 18 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เพียร์ ฟอร์ ยู จำกัด (มหาชน) (PEER) พร้อมทั้งรายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ก.ล.ต. ระบุว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปี 2565–2566 และได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 18 ราย ซึ่งมีความสัมพันธ์กันทั้งในด้านส่วนตัว ด้านการเงิน และด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันหรือสนับสนุนกันในการสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้น OTO ในช่วงระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 รวมระยะเวลา 438 วันทำการ

พฤติการณ์ที่ตรวจพบ ได้แก่ การส่งคำสั่งซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้สูงขึ้น การเคาะซื้อด้วยปริมาณหุ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นความเคลื่อนไหวของตลาด การครองคำสั่งเสนอซื้อ (bid) เพื่อขัดขวางการซื้อของผู้ลงทุนรายอื่น จนทำให้ผู้ลงทุนต้องส่งคำสั่งซื้อในราคาที่สูงขึ้น รวมถึงการส่งคำสั่งซื้อขายจับคู่กันเองในปริมาณ ราคา และช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ยังพบการควบคุมราคาปิดด้วยการส่งคำสั่งซื้อหรือขายในช่วงก่อนปิดการซื้อขาย (Pre-close) เพื่อให้ราคาที่คาดว่าจะปิด (Projected price) ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ก.ล.ต. เห็นว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น OTO และทำให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบบทสันนิษฐานมาตรา 244/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รวมถึงบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยมีโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2

จากเหตุผลดังกล่าว ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดทั้ง 18 ราย ต่อ DSI เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา พร้อมกันนี้ยังได้แจ้งเรื่องต่อ ปปง. เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษ กระบวนการบังคับใช้กฎหมายจะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการดำเนินการสอบสวน พนักงานอัยการในการสั่งฟ้อง และศาลยุติธรรมในการพิจารณาคดีตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต่อไป