เลือกตั้งใหม่ 2026 : โอกาส หรือ ความเสี่ยง ? เปิดสถิติ 20ปี หุ้นไทยดิ่งเฉลี่ย -6.4% ก่อนดีดกลับ
ยุบสภา 2025 สะเทือน! การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังยุบสภา บล.ลิเบอเรเตอร์ชี้สถิติ 20ปี หุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงเฉลี่ย -6.4% ก่อนดีดกลับก่อนเลือกตั้งใหม่ จังหวะนี้เป็น ‘จุดต่อรอง’ นักลงทุนสายกลาง-ยาว เน้นหุ้น Defensive พร้อมโผหุ้นปันผลสูง
KEY
POINTS
- ยุบสภา 2025 สะเทือน! การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังยุบสภา
- บล.ลิเบอเรเตอร์ชี้สถิติ 20ปี หุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงเฉลี่ย -6.4% ก่อนดีดกลับก่อนเลือกตั้งใหม่
- จังหวะนี้เป็น ‘จุดต่อรอง’ นักลงทุนสายกลาง-ยาว เน้นหุ้น Defensive พร้อมโผหุ้นปันผลสูง
สถานการณ์การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศยุบสภา มีผล 12 ธันวาคม 2568 ซึ่งไม่ใช่แค่การ "เปลี่ยนตัว" เหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้า
แต่เป็นการเริ่มต้นการเลือกตั้งใหม่ที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน และน่าจะไปสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2569
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะจากภายนอกที่มองว่าการเมืองไทยยังคงไม่นิ่ง ส่งผลให้การลงทุนทั้งทางตรงและการลงทุนในตลาดหุ้นชะลอตัวลงในระยะสั้น ภาพรวมของตลาดจึงถูกประเมินว่าเป็นธีมเชิงลบในระยะสั้น
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายในช่วงเช้านี้ (12 ธ.ค.68) อยู่ที่ 1,253.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด คิดเป็น +0.02% มูลค่าการซื้อขาย 23,054.17 ล้านบาท โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,263.34 จุด และลดลงต่ำสุด 1,252.65 จุด
แกะรอยสถิติ: หาจุดต่ำสุดตาม "แอ่งกระทะ"
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดมุมมองกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า แม้ในระยะสั้นภาพตลาดหุ้นไทยอาจจะดูเป็นลบ แต่กลับมองเห็นโอกาสในระยะกลาง โดยเชื่อว่าจังหวะที่ดัชนีปรับตัวลงมา จะเป็นโอกาสในการ "ต่อรองราคาหุ้น" ที่น่าสนใจ
จากการวิเคราะห์สถิติย้อนหลังในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเลือกตั้งใหม่ครั้งใหญ่รวม 4 รอบ นับตั้งแต่ยุคของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ยุบสภาวันที่ 24 ก.พ.2549 เลือกตั้งใหม่วันที่ 2 เม.ย.2549 ระยะเวลา 37 วัน ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 741.80 จุด ร่วงต่ำสุดในช่วงยุบสภาฯที่ 721.12 จุด Maximum Drawdown (Max DD) หรือเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุด -2.8%
- ยุค "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยุบสภาวันที่ 10 พ.ค.2554 เลือกตั้งใหม่วันที่ 3 ก.ค.2554 ระยะเวลา 54 วัน ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,086.56 จุด ร่วงต่ำสุดในช่วงยุบสภาฯที่ 998.39 จุด ลดลง-8.0%
- ยุค "นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ยุบสภาวันที่ 9 ธ.ค.2556 เลือกตั้งใหม่วันที่ 2 ก.พ.2567 ระยะเวลา 55 วัน ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,67.42 จุด ร่วงต่ำสุดในช่วงยุบสภาฯที่ 1,205.44 จุด ลดลง -11.8%
- ยุค "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ยุบสภาวันที่ 20 มี.ค.2566 เลือกตั้งใหม่วันที่ 14 เม.ย.2566 ระยะเวลา 55 วัน ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,555.45 จุด ร่วงต่ำสุดในช่วงยุบสภาฯที่ 1,507.22 จุด ลดลง -3.1%
ช่วงเวลาตั้งแต่ยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้งใหม่ ซึ่งกินเวลาเฉลี่ยราว 50 วัน ดัชนีตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวลงสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ -6.4% หากอ้างอิงจากตัวเลขสถิตินี้ การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในรอบนี้ที่เป็นยุคของ "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" ยุบสภา 12 ธ.ค.2568 นั้น อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดเป็นตัวเลขกลมๆที่ 1,200 จุด
รูปแบบการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงดังกล่าวมีความสอดคล้องกับ "แพทเทิร์นของแอ่งกระทะ" กล่าวคือ ช่วงแรกตลาดจะย่อตัวลงเพื่อทำจุดต่ำสุด ก่อนที่ความคาดหวังต่อการเลือกตั้งใหม่จะผลักดันให้เกิด Election Rally และกระตุกราคากลับขึ้นมาในระดับหนึ่ง นักลงทุนจึงควรเริ่มจับตาหาจังหวะที่ตลาดเริ่มโค้งตัวลงเพื่อสะสมในช่วง 1-2 เดือนนี้
ธีมลงทุน เน้นหลบภัยในหุ้นปันผล
เมื่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ และปัญหานโยบายยังคงค้างท่อ ธีมการลงทุนที่ชัดเจนที่สุดในช่วงนี้คือ หุ้น Defensive และหุ้นที่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสูง
กลุ่มที่น่าสนใจและเป็นแหล่งพักเงินที่น่าสนใจ
- กลุ่มธนาคาร มองว่าเป็นหุ้นใหญ่ที่มี Valuation ไม่แพง สามารถจ่ายปันผลได้อย่างแน่นอน ซึ่งบางตัวให้ผลตอบแทนสูงถึง 5% ต่อปี และมีโอกาสเห็นการซื้อหุ้นคืนในปีหน้าแนะนำ BBL มีความปลอดภัยสูงในแง่ของ Valuation ปันผล และ KTB คาดว่ายังคงเป็นแรงสำคัญจากภาครัฐ
- กลุ่มสื่อสาร แม้ผลตอบแทนปันผลอาจอยู่ที่ระดับกลาง 3-4% แต่โมเมนตัมกำไรยังอยู่ในทิศทางที่ดี และได้รับประโยชน์จากใบอนุญาตที่ประมูลได้ในราคาที่ถูกมาก แนะนำหุ้น ADVANC
- กลุ่มโรงพยาบาล เป็นกลุ่ม Defensive ที่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในเชิงของพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความคาดหวังในการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ตะวันออกกลาง แนะนำหุ้น BH
หุ้นที่พื้นฐานดีแต่ต้องรอต่อรองราคา ชอบ AOT แม้ปัจจัยพื้นฐานจะถูกปลดล็อกไปแล้วหลายด้าน เช่น ปัญหา PSC, King Power และตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ยังมีฐานต่ำมาก ซึ่งปีนี้คาดการณ์ที่ 4 ล้านคน เทียบกับ 10-11 ล้านคนก่อนโควิด-19 แต่ราคาตลาดในปัจจุบันได้ดีดตัวขึ้นไปสูงมาก มองว่าระดับราคาที่น่าสนใจสำหรับการเข้าสะสมควรจะอยู่ที่ราวๆ 40-45 บาท
ถามว่า ความคาดหวังต่อนโยบายรัฐบาลใหม่อย่างไร ?
ในมุมมองของคนที่อยู่ในตลาดทุน มองว่ามาตรการที่รัฐบาลใหม่จะนำมาใช้จะต้องกระทบเชิงบวกต่อตลาดทุน หรืออย่างน้อยที่สุดคืออย่าแย่ไปกว่าเดิม โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลควรคำนึงถึงชนชั้นกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่จ่ายภาษีจำนวนมาก และมาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ถือว่ามีความสำคัญต่อคนกลุ่มนี้
อีกทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลและเห็นผลเร็วที่สุดคือการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภค เพราะเป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลเข้ามามักจะนำมาใช้ ขณะเดียวกันรัฐบาลควรหลีกเลี่ยงนโยบายที่ยากต่อการนำไปปฏิบัติจริงและใช้เงินมหาศาล อาทิเช่น มาตรการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดสาย แม้เป็นนโยบายที่ดีแต่ใช้เงินจำนวนมากในการดึงสัมปทานกลับมา
ดังนั้นจุดสำคัญในรัฐบาลใหม่คือการบริหารจัดการเงินงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ.


