posttoday

NCL เพิ่มทุน PP 374 ล้านหุ้น ดึงกลุ่มบุณยรัตกลินและพันธมิตรถือหุ้น 35%

14 พฤศจิกายน 2568

NCL เพิ่มทุน 605 ล้านหุ้น เสนอขาย PP กลุ่มบุณยรัตกลินและพันธมิตร 7 ราย 374 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.28 บาท รับเงินกว่า 104 ล้านบาท ที่เหลือ 231 ล้านหุ้น รองรับ NCL-W4 แจกฟรีผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอร์แรนท์

KEY

POINTS

  • NCL อนุมัติการเพิ่มทุนโดยจัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 374 ล้านหุ้น เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้แก่นักลงทุน 7 ราย
  • กลุ่มบุณยรัตกลินและพันธมิตรจะเข้าถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนประมาณ 35.01% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น
  • การเสนอขายหุ้นครั้งนี้กำหนดราคาไว้ที่ 0.28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมทั้งสิ้น 104.72 ล้านบาท

“พงษ์เทพ วิชัยกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 151,352,832.75 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 173,558,498.25 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 324,911,331.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 605,411,331 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท 

การเพิ่มทุนดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 374 ล้านหุ้น  (พาร์ 0.25 บาท) เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement:PP) จำนวน 7 ราย ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.28 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 104.72 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35.01%ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังรายการ PP เสร็จสิ้น 

สำหรับรายชื่อเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้บุคคลในวงจำกัดหรือ PP จำนวน 7 รายประกอบด้วยนายภัทร พลกุล ได้รับสรรจำนวน 60 ล้านหุ้น ,พล.ร.อ.ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน จำนวน 60 ล้านหุ้น,นายชยันต์ เล้ายอดตระกูล จำนวน 54 ล้านหุ้น และจัดสรรให้ นายนิธิ บุญยรัตกลิน, นายนิรินทร์ บุญยรัตกลิน, นางลภัสรดา ปักกังเวสังและนางอนันต์ เรืองเศรษฐา รายละ 50 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังมีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 231,411,331 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ NCL-W4 จำนวนไม่เกิน 231,411,331 หน่วย ที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย  มีอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.28 บาท และมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร NCL-W4  ในวันที่ 21 มกราคม 2569 

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนกลุ่ม PP จะไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ NCL-W4 จากบริษัท ยกเว้นในกรณีที่ผู้ลงทุน PP ดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ซึ่งจะได้รับสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิมก่อนการเข้าลงทุนในรายการ  PP

อย่างไรก็ตามผู้ลงทุน PP ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายหุ้นต่อบุคคลในวงจำกัดในราคาไม่ต่ำกว่า 90 %ของราคาตลาด บริษัทจึงไม่มีหน้าที่ต้องห้ามไม่ให้ผู้ลงทุนนำหุ้นที่ได้รับจากการเสนอขายทั้งหมดออกขายภายในระยะเวลาที่กำหนด (Silent Period) 

“การเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนในครั้งนี้ เข้าข่ายเป็นการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัดที่มีนัยสำคัญที่อาจเป็นผลให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 25% ดังนั้น บริษัทอนุมัติแต่งตั้งให้ บริษัทเวลแคป แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายPP” 

บริษัทกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2569  ในวันที่ 14 มกราคม 2569 เวลา 10.00 น. โดยประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวม 301.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 57.9 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีรายได้จากการให้บริการ 274.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้จากการขาย 26.7 ล้านบาท เป็นไตรมาสที่สอง โดยบริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 0.8 ล้านบาท  ซึ่งเป็นการรักษาระดับกำไรสุทธิได้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 2.2 ล้านบาท)

สำหรับงวด 9 เดือน 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม  626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 20.5 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 239.4 ล้านบาท

“การรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งมากจากบริษัท โกลเด้น ซัพพลาย จำกัด ซึ่ง NCLถือหุ้น  100%  โดยรายได้ของบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นจากการทำสัญญาระหว่าง บริษัทและ Navantia ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอู่ต่อเรือของประเทศสเปนที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในยุโรป และใหญ่เป็นอันดับเก้าของโลก ภายใต้สัญญาดังกล่าว บริษัท โกลเด้น ซัพพลาย จำกัด มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการและสนับสนุนโครงการของ Navantia ในประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจสู่การบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และสร้างความไว้วางใจให้กับพันธมิตรระดับโลกในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ”

ข่าวล่าสุด

กัมพูชาเปิดฉากยิงช่องอานม้า ฝ่ายไทยสูญเสีย ยังปะทะเดือด