posttoday

FED ลังเลลดดอกเบี้ย! SET เสี่ยงย่อตัว 1,270 - 1,300 จุด เชียร์ KBANK ผลงานดี-ปันผลเด่น

14 พฤศจิกายน 2568

สภาสหรัฐฯผ่านงบชั่วคราวช่วยเปิดหน่วยงานรัฐ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ชัด กดดันโอกาสลดดอกเบี้ย ธ.ค. เหลือเพียง 49.5% ฉุดหุ้นเทค-เอเชียแดงยกแผง บล.ลิเบอเรเตอร์คาดหุ้นไทยแกว่ง 1,270–1,300 จุด ชู KBANK หุ้นเด่นปันผลสูง

KEY

POINTS

  • สภาสหรัฐฯผ่านงบชั่วคราวช่วยเปิดหน่วยงานรัฐ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ชัด กดดันโอกาสลดดอกเบี้ย ธ.ค. เหลือเพียง 49.5%
  • ฉุดหุ้นเทค-เอเชียแดงยกแผง
  • บล.ลิเบอเรเตอร์คาดหุ้นไทยแกว่ง 1,270–1,300 จุด ชู KBANK หุ้นเด่นปันผลสูง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แม้ว่าสภาสูงและสภาล่างของสหรัฐฯจะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐฯจะค่อยๆกลับมาเปิดได้อีกครั้ง

แต่ตลาดก็ยังมีความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาที่อาจยังไม่ชัดเจนนัก เช่น การรายงานตัวเลขจ้างงานเดือน ต.ค. อาจจะไม่มีการรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานด้วย เพราะไม่ได้มีการสำรวจครัวเรือน ซึ่งข้อมูลสำคัญเหล่านี้อาจส่งผลให้ FED ยังประเมินภาพเศรษฐกิจค่อนข้างยาก และอาจนำไปสู่การรอดูตัวเลขที่ชัดเจนก่อน

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับเครื่องมือ FED Watch Tool ล่าสุดที่ให้โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค.นี้ เหลือเพียง 49.5% เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลจาก Valuation ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูง เป็นสาเหตุที่เข้ามากดดันตลาดในระยะสั้น

ด้านตลาดเอเชียเช้านี้ คาดจะตอบรับเชิงลบเช่นกัน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจวันนี้แนะติดตามการรายงานตัวเลขของจีนที่สำคัญ เช่น ราคาบ้าน ยอดค้าปลีก และอัตราการว่างงาน หลังจากก่อนหน้านี้จีนมีสัญญาณการชะลอตัวในตลาดสินเชื่อ

ส่วนไทยแนะติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค. อาจลุ้นฟื้นตัวขึ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นยังเน้นหุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูง และ Valuation ไม่แพง

คาด SET วันนี้ “ย่อตัว” ในกรอบ 1,270 - 1,300 จุด ตลาดกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะทยอยออกมาซึ่งอาจยังไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้ FED ตัดสินใจลดดอกเบี้ย ธ.ค. ผสาน Valuation ที่สูง เป็นแรงกดดันเพิ่มเติม ส่วนตัวเลขสำคัญวันนี้เกาะติดตัวเลขจีน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ด้านกลยุทธ์เน้นย่อตั้งรับหุ้นปันผลสูง 

สำหรับวันนี้แนะนำ “KBANK” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 190 บาท คาดแนวโน้มของผลประกอบการยังเติบโตได้ โดยเฉพาะในฝั่งค่าธรรมเนียมที่ทำได้ดี

ขณะที่การดำเนินนโยบายสินเชื่อปล่อยใหม่อย่างระมัดระวังช่วยให้ Credit Cost จะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี

การซื้อหุ้นคืนจะช่วยให้ ROE มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อ Valuation ผสานการจ่ายปันผลในระดับสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจทยอยสะสม.

ข่าวล่าสุด

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ Smart City ต้นแบบ! เปลี่ยนขยะเป็น RDF สู่ Net Zero 2050