SCGD ปักธง 2026 ผู้นำวัสดุก่อสร้างอาเซียน เดินเกมนวัตกรรม-ลดต้นทุน-โตต่างแดน

เมื่อตลาดวัสดุก่อสร้างไทยยังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอ แต่ท่ามกลางคลื่นลมเหล่านั้น "บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD" ผู้ประกอบธุรกิจกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ธุรกิจสุขภัณฑ์ในไทย และธุรกิจให้บริการนิคมอุตสาหกรรม กลับเลือกจะไม่เพียงยืนหยัด

แต่ "ลอยตัว" ด้วยเข็มทิศแห่งนวัตกรรม และหางเสือแห่งความมั่นคง จุดหมายปลายทางของพวกเขาไม่ใช่แค่ยอดขายที่เติบโต แต่คือ "สุขภาวะที่ดีของผู้คน" ทั่วอาเซียน

SCGD กำลังขับเคลื่อนตัวเองด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนคือการเป็น "ผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน" (Leading in ASEAN country) แม้จะยังไม่ตั้งเป้าหมายไปถึงระดับเอเชีย ที่รวมถึงจีนและประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ในอาเซียน SCGD มุ่งมั่นที่จะเป็นเบอร์หนึ่ง

"สิทธิชัย สุขกิจประเสริฐ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน SCGD เล่าในงาน Opportunity Day ถึงกลยุทธ์สำคัญในการขยายอาณาจักรว่า SCGD ตระหนักดีว่าการขยายยอดขายสุขภัณฑ์ให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น ต้องพึ่งพาตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ในต่างประเทศ

ภายใน 9 เดือนแรกของปีนี้ SCGD ได้เพิ่มตัวแทนจำหน่ายสุขภัณฑ์รวมกันถึง 181 ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม เพิ่มเป็น 44 ราย และฟิลิปปินส์ เพิ่มเป็น 94 ราย

ยอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 372 ล้านบาท และแม้ว่าปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าจะกระทบต่อการรับรู้รายได้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาท แต่หากมองในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) แล้ว ยอดขายสุขภัณฑ์ในอินโดนีเซียและเวียดนามยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ

นอกจากธุรกิจหลักอย่างกระเบื้องและสุขภัณฑ์ SCGD ยังเดินหน้าขยายสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งรวมถึงปูนกาว ยาแนว ประตู หน้าต่าง และ Kitchen worktop โดยสินค้ากลุ่มนี้สร้างยอดขายรวม 312 ล้านบาท ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 17%

นวัตกรรมที่ใส่ใจสุขภาพ: ขายคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่สินค้า

SCGD กำลังนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เรื่อง Wellness และความยั่งยืนอย่างแท้จริง 

วัสดุปิดผิวที่หายใจได้ (Flowwell) นี่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นในไตรมาส 3 ซึ่งนำเทคโนโลยี Peotech จากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ กระเบื้องนี้ถูกเรียกว่า "วัสดุปิดผิวที่หายใจได้"

วัสดุนี้สามารถดูดซึมกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นบุหรี่ หรือกลิ่นสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับความชื้นภายในห้องให้อยู่ที่ 40-60% ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาวะของผู้ใช้งานโดยตรง 

โรงงานผลิต Stone Plastic Composite (SPC) ในประเทศไทยที่เริ่มตั้งมาตั้งแต่ปีก่อน ถือเป็นสินค้าในกลุ่ม New Growth (NG) ของบริษัท ด้วยศักยภาพของโรงงาน ทำให้ SCGD สามารถทำต้นทุนได้แข่งขันกับสินค้าจีนที่นำเข้าได้อย่างชัดเจน

อีกทั้งนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ "รักโลก" โดยแสดงนวัตกรรมสุขภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากเปลือกไข่ในกระบวนการผลิต เพื่อนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่

องค์กรที่ยืดหยุ่นและแผนรับมือที่แข็งแกร่ง

SCGD มีระบบป้องกันและกลไกภายในที่ช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• Great Culture คือ DNA ขององค์กร บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัฒนธรรมการทำงาน โดยใช้ Code name ว่า "Great Culture" ซึ่งส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดใหม่ๆ, เป็นมืออาชีพ (Professional), ตั้งใจทำงานหนัก และมีความยืดหยุ่นสูง ในการปรับตัวต่อสถานการณ์ ในส่วนของคุณธรรมและจริยธรรมนั้น ถูกเน้นย้ำว่าเป็น DNA ของชาว SCG อยู่แล้ว
• การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (FX Management) เพื่อจัดการกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในการซื้อขายกับประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทจะพยายามให้ซื้อขายเป็นสกุลเงินบาท แต่หากมีการส่งออกหรือนำเข้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว บริษัทจะใช้วิธีซื้อ Forward Currency เพื่อปิดความเสี่ยงทันที

แผนรับมือภัยพิบัติ (BCM) บริษัทมีการใช้ระบบ Business Continuity Management (BCM) อย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะทำงานที่รับผิดชอบตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับไซต์งาน SCGD ได้เรียนรู้และปรับตัวมาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว

และมีการซ้อมแผนรับมือภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในส่วนของสินทรัพย์ในประเทศไทย มีการเตรียมพร้อมอย่างเข้มงวด เช่น ปั๊มน้ำและแผงกั้นน้ำ

ลดต้นทุนเชิงรุก-เพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี

เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย SCGD มีแผนการลดต้นทุนที่ชัดเจน โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มการใช้ Biomass ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายมากกว่า 40% จากปัจจุบันที่ 23-24% และจะเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) อีกด้วย

นอกจากการเปลี่ยนระบบการทำงานในโรงงานจาก Manual หรือ Mechanical สู่ Automation มากขึ้นแล้ว ในส่วนของสำนักงาน (Office) SCGD ก็จะใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ รวมถึง AI เข้ามาช่วยพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป้าหมายคือการขยายงานโดยใช้คนเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นไม่มาก เพื่อช่วยลดต้นทุนให้บริษัท

แม้ว่าตลาดในประเทศไทยจะยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และต้องรอมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ แต่ SCGD ยังคงมีแรงขับเคลื่อนสำคัญในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดเวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่อง

"แนวโน้มไตรมาส 4/2568 จะเป็นช่วง High Season ของตลาดวัสดุก่อสร้าง SCGD ยังคงคาดการณ์ว่าเวียดนามจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า"

กลยุทธ์การดำเนินงานปี 2569 ทาง SCGD จะมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญที่สุดคือ การขายสินค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตในภาพรวม

SCGD เปรียบเสมือนเรือเดินสมุทรในภูมิภาคอาเซียน ที่มีเป้าหมายชัดเจน พวกเขาไม่ได้อาศัยเพียงกำลังเครื่องจักร การขยายตัว แต่ยังพึ่งพาเข็มทิศแห่งนวัตกรรม และ หางเสือแห่งความมั่นคงทำให้สามารถแล่นผ่านกระแสความท้าทายทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ.