posttoday

TRUE ปรับนโยบายปันผล เป็น 2 ครั้ง/ปี ประเดิมจ่ายระหว่างกาลครั้งแรก 0.19 บาท

04 พฤศจิกายน 2568

TRUE ปรับนโยบายปันผลเป็น 2 ครั้ง/ปี ประเดิมจ่ายปันผลระหว่างกาลครั้งแรก 0.19 บาท/หุ้น เป็นเงิน 6,565 ล้านบาท ขึ้น XD 17 พ.ย.นี้ หลังทำกำไร 3 ไตรมาส ติด หนุน 9 เดือน ปี 68 กำไรพุ่ง 5,238 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นปีละ 2 ครั้ง จากเดิมที่จ่ายปีละครั้ง โดยพิจารณาจากงบการเงินรวม
  • คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 พ.ย. และจ่ายเงินในวันที่ 3 ธ.ค. 2568
  • เงินปันผลดังกล่าวมาจากผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 5,238 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 จำนวน 1,573 ล้านบาท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2568 วันนี้ (4 พ.ย.2568) ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น จำนวน 6,564,899,152 บาท โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด 

ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าว จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ในการนี้ เงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค-30 ก.ย.2568 และจากกำไรสะสมบางส่วนของบริษัท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 17 พ.ย.2568 วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) คือ วันที่ 18 พ.ย.2568 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ธ.ค.2568

นอกจากนี้ อนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้

เดิม

นโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ คือ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จากงบการเงินเฉพาะของบริษัท ภายหลังการจัดสรรเป็นสำรองต่างๆ และขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินและแผนการประกอบธุรกิจของบริษัทในอนาคต

ใหม่

นโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ คือ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จากงบการเงินรวมของบริษัท ภายหลังการจัดสรรเป็นสำรองต่างๆ และภายใต้การปฏิบัติตาม กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินและแผนการประกอบธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยจะพิจารณาจ่ายปีละ 2 ครั้ง

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 3/2568 เราคงความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีหมุดหมายสำคัญคือการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกให้ผู้ถือหุ้น ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และการบริหารการเงินอย่างมีวินัย และการให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายนอกเหนือธุรกิจหลัก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน 

บริษัทยังคงดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นตามลำดับความสำคัญที่ชัดเจน เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มั่นคง ยกระดับศักยภาพจากสินทรัพย์ดิจิทัลและนวัตกรรมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์ ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย และเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันในระยะยาว บริษัทมั่นใจในการดำเนินงานสู่การบรรลุเป้าหมายสำหรับปี 2568 และในระยะยาว

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นการสร้างฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพ โดยลดการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานแบบหมุนเวียน (Rotational Gross Adds) พร้อมปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายด้านค่าคอมมิชชั่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง 

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 3/2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.4 ล้านเลขหมาย หรือคิดเป็น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 3/2568 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G อยู่ที่ 15.5 ล้านราย ในส่วนของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย  

TRUE ปรับนโยบายปันผล เป็น 2 ครั้ง/ปี ประเดิมจ่ายระหว่างกาลครั้งแรก 0.19 บาท

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 5,238 ล้านบาท 

คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 6,565 ล้านบาท คิดเป็น 0.19 บาทต่อหุ้น หรืออัตราการจ่ายปันผลเท่ากับ 125% การพิจารณาครั้งนี้ยืนยันความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินและการเติบโตอย่างมีกำไร

ในไตรมาส 3/2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี (Net Profit After Tax) จำนวน 1,573 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันที่บริษัทมีกำไรสุทธิ โดยบริษัทบันทึกรายการที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One-Time Non-Cash) จำนวน 3,049 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการยุติบริการคลื่น 850 MHz เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากรายการครั้งเดียวตามนี้ กำไรสุทธิหลังหักภาษีมีจำนวน 4,622 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัท

นับตั้งแต่การควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 7,504 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การบูรณาการ สำหรับไตรมาส 3/2568 บริษัทมีกำไร EBITDA เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ด้วยการได้รับแรงหนุนหลักจากการจัดสรรคลื่นความถี่และการประหยัดต้นทุนที่เกี่ยวข้อง 

อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตราอยู่ที่ 65.3% สำหรับไตรมาสนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรของทรู คอร์ปอเรชั่น อยู่ที่ 4.2 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 ลดลง 0.2 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 0.2 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC อยู่ที่ 41,273 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ในกลุ่มบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชะลอตัว โดยมีรายได้จากธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก เข้ามาช่วยชดเชยบางส่วน 

หากไม่รวมผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราวในไตรมาส 2 และการลดลงของรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ จะเห็นว่ารายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบรายปีและรายไตรมาส 

ขณะเดียวกัน รายได้ค่าเช่าโครงข่ายที่ลดลงตามการสิ้นสุดของสัญญาในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ตั้งแต่เดือน ส.ค.2568 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้รวม ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 47,230 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงไตรมาส 3

ในไตรมาส 3/2568 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A ลดลง 21.6% จากปีก่อนหน้า ต้นทุนโครงข่ายลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดสรรคลื่นความถี่ และการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) 

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการผ่านการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยและการริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง แนวทางการบริหารทางการเงินอย่างมีวินัยของ ทรู คอร์ปอเรชั่น รวมถึงการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต

ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 6,900 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนเป็นสัดส่วนของยอดขายอยู่ที่ 15% สำหรับไตรมาสนี้

ข่าวล่าสุด

ทรู-ซีพี ผนึก กกท. ประกาศพร้อมจัดซีเกมส์ 2025 ชูเครือข่าย 5G เต็มพิกัด