เปิดงบ ADVANC กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 พุ่ง 37% แตะ 12,039 ล้าน
ADVANC โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 พุ่ง 37% แตะ 12,039 ล้านบาท หนุน 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 33,604 ล้านบาท โต 30% จากผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ต้นทุนคลื่นความถี่และต้นทุนการเงินลดลง
KEY
POINTS
- ADVANC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้รวมในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เติบโต 4.1% ขณะที่กำไร EBITDA อยู่ที่ 31,406 ล้านบาท เติบโต 10%
- ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากรายได้บริการหลักที่แข็งแกร่งทั้งธุรกิจมือถือและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ประกอบกับต้นทุนคลื่นความถี่และต้นทุนการเงินที่ลดลง
- ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 33,604 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท เติบโต 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 9.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลง และต้นทุนการเงินที่ลดลง
ในไตรมาส 3/2568 กำไร EBITDA อยู่ที่ 31,406 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้การให้บริการหลักและการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ
อัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 57.8% เพิ่มขึ้นจาก 54.0% ในไตรมาส 2/2568 จากการมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ที่สร้างกำไร และการไม่มีรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT ภายหลังการหมดอายุของสัญญาเชื่อมต่อโครงข่าย 2100 MHz กับ NT และมีอัตรากำไร EBITDA จากรายได้การให้บริการอยู่ที่ 68.2% เพิ่มขึ้นจาก 64.6% ในไตรมาส 2/2568
ทั้งนี้ รายได้รวมในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของทุกธุรกิจ ชดเชยกับรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT ที่ลดลง ขณะที่รายได้รวมลดลง 3.0% จากไตรมาสก่อน ตามรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT และรายได้จากการขายอุปกรณ์ที่ลดลง
รายได้จากการให้บริการหลัก (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่ายและรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT) อยู่ที่ 43,591 ล้านบาท เติบโต 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากความต้องการที่แข็งแกร่งของบริการเชื่อมต่อคุณภาพสูง สนับสนุนโดยกลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยบริการคอนเทนต์
โดยรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 32,837 ล้านบาท เติบโต 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการปรับตัวดีขึ้นของ ARPU ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าคุณภาพ การส่งเสริมการขายแพ็กเกจมูลค่าเพิ่ม และการขายบริการเสริมด้านคอนเทนต์ความบันเทิง
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีผู้ใช้บริการรวม 46.3 ล้านเลขหมาย โดยมีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 15.8 ล้านเลขหมาย เติบโต 36% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการลงทุนเชิงคุณภาพ ในการขยายโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ให้ครอบคลุมกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านประสบการณ์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้ทั่วประเทศ
รวมถึงการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 2100 MHz ทันทีหลังชนะการประมูล พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยี “Super Block” ถือเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายให้รองรับการใช้งานไปอีกขั้น ด้วยความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคุณภาพที่ได้รับการการันตีโดยรางวัล OOKLA ปี 2025
นอกจากนี้ การนำแพ็กเกจรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาสร้างความผูกพันกับลูกค้า ยังเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับฐานลูกค้าอีกด้วย
สำหรับรายได้บริการอินเทอร์เน็ตความเรว็สูง อยู่ที่ 8,189 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 3.1% จากไตรมาสก่อน จากฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นและการเพิ่มขึ้นของ ARPU ทั้งผู้ใช้บริการรายใหม่และลูกค้าเดิมผ่านการมุ่งเน้นแพ็กเกจมูลค่าเพิ่มและการนำเสนอบริการเสริมที่เกี่ยวข้อง
ธุรกิจบรอดแบนด์ ภายใต้แบรนด์ AIS 3BB FIBRE3 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 68,000 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ใช้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 5.2 ล้านราย
การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากกลยุทธ์ “ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยยุคดิจิทัล” โดยผสานโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้ากับคอนเทนต์ระดับพรีเมียม ผ่านแพ็กเกจ Super FAST และ Home FibreLAN ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัวจนถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการเฉพาะด้านทั้งสตรีมมิ่งและเกมมิ่ง
ขณะเดียวกัน การเสริมพอร์ตด้วยคอนเทนต์กีฬาระดับโลก อาทิ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, NBA, และ NFL ไม่เพียงสร้างความแตกต่างด้านประสบการณ์ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการวางตำแหน่ง AIS 3BB FIBRE3 ให้เป็น “ผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจรในทุกบ้าน”
ด้านรายได้บริการลูกค้าองค์กรและอื่นๆ อยู่ที่ 2,565 ล้านบาท เติบโต 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากความต้องการบริการด้านการเชื่อมต่อสำหรับองค์กรธุรกิจ อาทิ บริการเชื่อมต่อโครงข่าย (EDS) และบริการคลาวด์ เป็นต้น ขณะที่รายได้ลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับไตรมkสก่อน จากรายได้การเชื่อมต่อโครงข่ายจาก NT ที่ลดลง
ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร เติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากแนวโน้มการเร่งทรานส์ฟอร์มองค์กรของภาครัฐและเอกชน โดยเอไอเอสวางกลยุทธ์เป็นพันธมิตรเทคโนโลยีครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่โครงข่ายสื่อสาร ระบบคลาวด์ ไปจนถึงโซลูชัน AI เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น Oracle Cloud และโครงการ GSA Data Center เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงอย่างปลอดภัยและยั่งยืน รองรับการขับเคลื่อนองค์กรไทยสู่การเป็น Sustainable Nation ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ต้นทุนคลื่นความถี่และต้นทุนการเงินที่ลดลง
ในรอบ 9 เดือนของปี 2568 รายได้จากการให้บริการหลัก อยู่ที่ 128,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ส่วนแนวโน้มและกลยุทธ์ในปี 2568 บริษัทคงเป้าหมายรายได้จากการให้บริการหลัก เติบโตประมาณ 4-6% เมื่อเทียบกับปีก่อน กำไร EBITDA เติบโตประมาณ 4-6% และงบประมาณการลงทุน (ไม่รวมคลื่นความถี่) ไว้ที่ประมาณ 26,000-27,000 ล้านบาท


