เวียดนามดาวรุ่งแห่งอาเซียน! SCC เดิมพันทุ่มทั้งองค์กร ปักธงรบในสมรภูมิที่ร้อนแรงที่สุด
ไม่ใช่แค่แผนขยายธุรกิจ แต่คือการเดิมพันอนาคต! เวียดนามจากดินแดน 2% สู่สมรภูมิ 10% "ปูนซิเมนต์ไทย" ยึดฐานโตทุกเซ็กเตอร์ ขึ้นแท่นเจ้าตลาดอาเซียน
KEY
POINTS
- ไม่ใช่แค่แผนขยายธุรกิจ แต่คือการเดิมพันอนาคต!
- เวียดนามจากดินแดน 2% สู่สมรภูมิ 10%
- "ปูนซิเมนต์ไทย" ยึดฐานโตทุกเซ็กเตอร์ ขึ้นแท่นเจ้าตลาดอาเซียน
ในขณะที่ภูมิภาคกำลังเผชิญกับอัตราการเติบโตที่เชื่องช้า แต่มีประเทศหนึ่งที่กำลังเปล่งประกายจนถูกขนานนามว่าเป็น "พระเอก" และ "ดาวรุ่งพุ่งแรง" แห่งการลงทุน นั่นคือ "เวียดนาม"
ความแตกต่างทางเศรษฐกิจนั้นชัดเจนและสร้างความตื่นตะลึง! ในขณะที่ประเทศไทยพยายามรักษาการเติบโตของ GDP ไว้ที่ 2% เวียดนามกำลังพุ่งทะยานด้วยอัตรา 8% และอาจแตะถึงระดับ 10% ได้เลยทีเดียว
เวียดนาม คือ ดินแดนที่ธุรกิจของเรา "ทุกเซ็กเตอร์โตหมด" สวนทางกับประเทศไทยที่ตลาดที่อยู่อาศัย (Residential) ติดลบ และเชิงพาณิชย์ (Commercial) เติบโตเพียง 1% เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง "ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC จึงตัดสินใจนำธุรกิจทุกประเภทที่มีในเมืองไทยไปปักหลักในเวียดนามทั้งหมด
เพราะนี่คือโอกาสที่จะ "เบ่ง" การเติบโตได้มากกว่าประเทศไทย
การเติบโตที่รวดเร็วดุจพายุไม่ได้มาพร้อมกับพรมแดง แต่มาพร้อมกับความท้าทายที่แท้จริงในภาคสนาม
- กับดักทางกฎหมาย หลายธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามต้องประสบปัญหาและล้มเลิกไปในเวลาอันสั้น เพราะเจอเรื่องของกฎหมายและข้อบังคับต่างๆที่ซับซ้อน
- นี่คือเดิมพันที่สูงมาก หากต้องการเป็นผู้นำตลาดที่นั่น เราต้องสามารถ Sense and Response ต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อแก้ปัญหานี้และสร้าง Soft Structure ที่เข้มแข็งในพื้นที่ SCC จึงตัดสินใจทำการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นก็คือ การส่งบุคลากรระดับบริหารสูงสุดเข้าไปประจำการและอาศัยอยู่ในเวียดนามอย่างถาวร
การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงในการเป็นแกนนำเพื่อให้เกิดการตอบสนองที่รวดเร็ว (Sense and Response)
ชัยชนะที่สร้างประวัติศาสตร์
ความทุ่มเทและการส่งแกนนำระดับสูงไปปักหลัก ได้นำมาซึ่งชัยชนะที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในหลายกลุ่มธุรกิจ
- ความเป็นเจ้าตลาด เราสามารถก้าวขึ้นเป็น "เจ้าตลาด" (Market Leader) ได้อย่างมั่นคงในกลุ่มธุรกิจแพคเกจจิ้ง (Packaging) และไลฟ์สไตล์
- การพลิกเกมเคมีภัณฑ์ เรากำลังปรับกลยุทธ์สำคัญในเรื่องของเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะการปรับเรื่อง "อีเทน" การปรับกลยุทธ์ด้านอีเทนนี้ถือเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะทำให้มูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์นี้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 200 กว่าเหรียญต่อตัน นี่คือเม็ดเงินมหาศาลที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ
- การขยายตัวรองรับการก่อสร้าง เนื่องจากอัตราการเติบโตในการก่อสร้างในเวียดนามนั้นสูงมาก เราจึงเร่งปรับตัวในเรื่องของซีเมนต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ (Capacity) ในการผลิตที่ยังน้อยอยู่
- ความรุ่งโรจน์ในตลาดหุ้น บริษัทย่อยที่เกี่ยวข้องกับท่อพีวีซี คือ Binh Minh Plastics ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ได้สร้างสถิติ "ราคาหุ้นเรคคอร์ดไฮในประวัติศาสตร์" แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่นักลงทุนยอมรับ
ความสำเร็จนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขประจำปี แต่คือการวางรากฐานเพื่อการแข่งขันในระยะยาว เพราะนักวิเคราะห์ระดับโลกได้คาดการณ์ว่าหากเวียดนามยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่โดดเด่นนี้ไว้ได้ ไม่เกินปี 2029 หรือ 2030 เชื่อหรือไม่ว่า GDP ของเวียดนามอาจตามทันประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
"นี่คือยุคของการเดิมพันที่สูงที่สุด และการทุ่มเททรัพยากรระดับสูงสุดของเราคือเครื่องพิสูจน์ว่า เราพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเติบโตในตลาดที่ร้อนแรงที่สุดในอาเซียนอย่างแท้จริง."


