AOT พลิกยุทธศาสตร์สนามบินไทย สู่องค์กร Smart Airport & Smart Investment เดินเกมสร้างรายได้สมดุล

"ปวีณา จริยฐิติพงศ์" ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวในงาน Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า AOT กำลังเปลี่ยนบทบาทตัวเองจากเพียงแค่ผู้ให้บริการสนามบินไปสู่การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้โดยสาร

โดยตั้งเป้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศและสร้างรายได้ให้ประเทศ เปลี่ยนจากสนามบินที่ผู้โดยสาร "จำเป็นจะต้องเดินทางมา" เพื่อขึ้นเครื่อง ให้เป็นสนามบินที่ผู้โดยสาร "อยากจะเดินทางมา" และสามารถอำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัยได้

AOT นิยามตัวเองว่าเป็น "Passenger Experience" โดยต้องทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่สนามบินรู้สึกสบาย ไม่เครียด สะดวกสบาย และสามารถมีกิจกรรมทำ หรือทำธุระส่วนตัวได้หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว

แนวโน้มผลการดำเนินงานและการเติบโต

AOT มีผลประกอบการด้านจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก

• จำนวนผู้โดยสารรวม: ในปีงบประมาณที่ผ่านมา (สิ้นสุดกันยายน) ทั้ง 6 ท่าอากาศยานของ AOT (เชียงราย, เชียงใหม่, ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, หาดใหญ่, ภูเก็ต) ผู้โดยสารรวม 125 ล้านคน อัตราการเติบโต 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 119 ล้านคน
• ส่วนแบ่งตลาด: AOT บริหารสนามบิน 6 แห่ง และมีส่วนแบ่งการตลาดคิดเป็น 86% ของจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทั้งประเทศ
• การเติบโตรายสนามบิน: สนามบินดอนเมือง (DMK) มีการเติบโตสูงถึง 7.5% ขณะที่สุวรรณภูมิ (BKK) เติบโต 4.6%

"AOT คาดการณ์ว่าในปีหน้า จำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6-7%"

อย่างไรก็ดี AOT กำลังปรับโครงสร้างรายได้ให้สมดุลตามมาตรฐานโลก และวางแผนการลงทุนอย่างชาญฉลาด โดย AOT พยายามปรับสัดส่วนรายได้ด้านการบินและรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินให้กลับไปสู่ธุรกิจเดิมคือ "การให้บริการสนามบิน" ซึ่งทั่วโลกรายได้หลักควรมาจากการบิน

ในอดีตก่อนโควิด สัดส่วนรายได้การบิน อยู่ที่ 60% และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน อยู่ที่ 40% แต่ปัจจุบัน AOT พบว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้โดยสารเปลี่ยนไป ทำให้รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินลดลง AOT ต้องคิดกลับไปว่าตนเองคือสนามบิน ไม่ใช่ "Department Store" ที่จะทำกำไรจากรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ AOT กำลังดำเนินงานภายใต้แนวคิด Smart Investment ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นการก่อสร้างหรือจัดซื้อที่ถูกที่สุด แต่เป็นการลงทุนที่ "คุ้มค่า" ในมิติต่างๆ อย่าง การลงทุนที่ Touchpoint สำคัญของผู้โดยสาร เช่น การปรับปรุงห้องน้ำให้ดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องรอให้เก่า เพื่อรักษา Service Level ที่ดี

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานหลัก

AOT มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับทั้งผู้โดยสาร เครื่องบิน และสินค้า 

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แผนพัฒนาล่าสุดมีการตัดโครงการ Sat 2 ออก และขยาย South Terminal ให้ใหญ่ขึ้นแทน สามารถรองรับผู้โดยสารรวม 120 ล้านคน ส่วนโครงการ East Expansion ถูกออกแบบมาเพื่อขยายส่วน Landside (บริเวณที่ผู้โดยสารเดินทางเข้าสู่สนามบิน)เพื่อลดความแออัดและเพิ่มความสะดวกสบายก่อนเข้าสู่ตัวอาคาร

ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) ถูกกำหนดให้เป็นสนามบินแบบ "Point-to-Point" (dot-to-dot) ไม่ได้ทำหน้าที่เป็น Hub ในการเปลี่ยนถ่ายเครื่องเหมือนสุวรรณภูมิ ดังนั้นแผนพัฒนาจะมีการก่อสร้างอาคาร T3 เพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ (International) และปรับปรุง T1/T2 ให้รองรับเที่ยวบินภายในประเทศ (Domestic)

ปัญหาหลักของดอนเมืองคือการเดินทางภายในท่าอากาศยานที่ยากลำบาก และความแออัดบริเวณทางเข้าเนื่องจากมีระยะทางจากถนนวิภาวดีจนถึงอาคารเพียง 60 เมตร ซึ่งต้องมีถนนซ้อนกันถึง 4-5 เส้น

"สิ่งที่ AOT จะทรานฟอร์มสนามบินให้เป็นสนามบินที่ทุกท่านอยากเดินทางมาใช้บริการ ปลอดภัย และให้ความสำคัญกับการรักษาระดับ P/E Ratio ให้น่าสนใจเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติสามารถเลือกไปซื้อหุ้นสนามบินประเทศอื่นได้ โดยในเดือนกรกฎาคม นักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อหุ้น AOT เป็นอันดับ 1 จากการอธิบายถึงการเปลี่ยนโครงสร้างรายได้และการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม"