ดราม่าศึกประมูลรถเมล์ EV 1.5 หมื่นล้าน! 11 ยักษ์ใหญ่แย่งชิงใครจะได้ไป?
ศึกชิงเค้กประมูลโครงการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ขสมก. เดือด! ดราม่า TOR ฉ่ำ ด้าน PTT-EA-NEX นำทีมบริษัทยักษ์ใหญ่โดดแย่งชิง วิเคราะห์ใครตัวเต็งคว้างานใหญ่แห่งปี?
KEY
POINTS
- ศึกชิงเค้กประมูลโครงการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ขสมก. เดือด! ดราม่า TOR ฉ่ำ
- PTT - EA - NEX นำทีมบริษัทยักษ์ใหญ่โดดแย่งชิง
- วิเคราะห์ใครตัวเต็งคว้างานใหญ่แห่งปี ?
วงการขนส่งมวลชนไทยกำลังร้อนระอุ เมื่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ไฟฟ้า (EV) จำนวน 1,520 คัน มูลค่า 15,301,380,000 บาท กระแสวิพากษ์วิจารณ์พุ่งแรงทั้งเรื่องเงื่อนไข การเมือง และการแข่งขันอันดุเดือดระหว่าง 11 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ลงสนามชิงเค้กก้อนนี้
จุดเปลี่ยน "รถเมล์ไทย"
รถเมล์เก่าของ ขสมก. ที่วิ่งมากว่า 30 ปี เตรียมถูกแทนที่ด้วย EV รุ่นใหม่ ใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งระบบอัดประจุไฟฟ้า และมีสเปกเข้มงวด เช่น
- รถพลังงานไฟฟ้าพื้นต่ำ(Low Floor)ความยาวไม่ต่ำกว่า 10.5 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 2.55 เมตร สูงไม่น้อยกว่า 3.35 เมตร
- รถต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เงื่อนไขด้านคุณสมบัติ ก็ไม่ธรรมดา เพราะผู้เข้าประมูลต้องมีผลงานให้เช่ารถในสัญญาเดียวมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และมีรายได้ต่อปีในธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
อีกทั้งต้องจัดหารถโดยสารที่ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ในการประกอบรถโดยสารไม่น้อยกว่า 40% เท่ากับเป็นการ "คัดกรอง" ให้เหลือแต่รายใหญ่ตัวจริง
ดราม่า TOR ?
กระแสสังคมตั้งคำถามหนักว่า ร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ถูกออกแบบให้เอื้อรายใดรายหนึ่งหรือไม่ โดยเฉพาะการบังคับ Local Content และผลงานเช่ารถที่มูลค่าสูง ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายเล็กหมดสิทธิ์ทันที ดราม่านี้อาจกลายเป็นชนวนร้องเรียนหากใครมองว่า "เกมไม่แฟร์" ก่อนเข้าสู่การเปิดประมูลจริงในเดือนตุลาคมนี้
ขสมก. เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ TOR บนเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดรับฟังคำวิจารณ์ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้สนใจได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ แต่หากไม่มีข้อวิจารณ์ที่เป็นสาระสำคัญ ขสมก. จะเดินหน้าประกาศประกวดราคาได้ทันที
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนใช้เวลาราว 4 เดือน ได้ผู้ชนะประมูลและลงนามสัญญา เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มส่งมอบรถปลายปี 2569 ซึ่งกำหนดส่งมอบรถ แบ่งเป็น 3 งวด
- งวดที่ 1 จำนวน 500 คัน ภายใน 180 วัน
- งวดที่ 2 จำนวน 500 คัน ภายใน 270 วัน
- งวดสุดท้าย 520 คัน ภายใน 360 วัน
คาดว่าจะได้รับรถใหม่เข้ามาให้บริการทั้งหมดภายในปี 2570 เพื่อทดแทนรถเมล์เก่า
11 ผู้ท้าชิง ศึกเดือดสมรภูมิ EV
ผู้สนใจร่วมชิงชัยครั้งนี้ มีตั้งแต่ผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มตัวจนถึงผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ ได้แก่
- บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทย สบายล์ บัส จำกัด
- บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด
- บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด
- บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
- บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ในเครือ CWT
- บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
- บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด
- บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX
- บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ในเครือ PTT
- บริษัท เฟิร์ส ทรานสปอร์ต จำกัด
การมีทั้ง EA, NEX และ อรุณ พลัส (PTT) ทำให้การแข่งขันครั้งนี้ "ไม่ธรรมดา" เพราะต่างเป็นรายใหญ่ที่มีเงินทุน เทคโนโลยี และคอนเนกชันครบเครื่อง
ใครคือตัวเต็ง?
EA ครองตลาด EV Bus อยู่แล้ว มีโรงงานผลิตพร้อม และมีประสบการณ์ในโครงการรัฐ
NEX ผู้เล่นเชี่ยวชาญด้านรถโดยสาร EV โดยตรง มีแบ็กอัพด้านการผลิตและบริการหลังการขาย
อรุณ พลัส (PTT) แม้จะใหม่กว่า แต่ได้พลังทุนและเครือข่ายจาก PTT Group ซึ่งเป็นไม้หนักที่รัฐยากจะมองข้าม
สกุลฎ์ซี (CWT) จุดแข็งด้านการประกอบรถบัส ใช้ Local Content ได้สูง อาจเป็นม้ามืด
นครชัยแอร์ แม้เชี่ยวชาญด้านการเดินรถ แต่ไม่เด่นด้านผลิต EV อาจมาในเชิงพันธมิตร
ศึกนี้ไม่ใช่แค่การ "เช่ารถเมล์" แต่เป็นการวัดอิทธิพลทุน เทคโนโลยี และการเมืองในเวลาเดียวกัน ตัวเต็งยังคงเป็น EA – NEX – PTT (อรุณ พลัส) ที่มีทั้งทุนและประสบการณ์ครบถ้วน ส่วนรายอื่นแม้มีโอกาสแต่ต้องจับตากลยุทธ์การจับมือพันธมิตร
ดราม่าจะเดือดแค่ไหน ? ตุลาคมนี้คือบทพิสูจน์ เพราะ 1.5 หมื่นล้าน ไม่ใช่เงินน้อย และใครก็ตามที่ได้งานนี้ จะกลายเป็นผู้นำตลาด EV Bus ของไทยแบบก้าวกระโดดทันที!


