รมว.คนนอกเขย่าตลาด! รัฐบาลใหม่เร่งจุดไฟเศรษฐกิจ-ฟื้นเชื่อมั่นฉบับเร่งด่วน
บล.กรุงศรีชี้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ "ของจริงไม่ใช่ของเล่น" ดันความเชื่อมั่นทะลุเพดาน "ศุภจี สุธรรมพันธุ์" หญิงแกร่งสายเอกชน นั่ง รมว.พาณิชย์ เปิดทาง FTA–New S Curve ด้าน บล.หยวนต้าโหมไฟนโยบาย "คนละครึ่ง" อัดเงินเข้าระบบใน 4 เดือน จุดพลุหุ้นค้าปลีก-บริการ
KEY
POINTS
- บล.กรุงศรีชี้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ "ของจริงไม่ใช่ของเล่น" ดันความเชื่อมั่นทะลุเพดาน
- "ศุภจี สุธรรมพันธุ์" หญิงแกร่งสายเอกชน นั่ง รมว.พาณิชย์ เปิดทาง FTA–New S Curve
- บล.หยวนต้าโหมไฟนโยบาย "คนละครึ่ง" อัดเงินเข้าระบบใน 4 เดือน จุดพลุหุ้นค้าปลีก-บริการ
เกมการเมืองปะทุเดือด รัฐบาลใหม่เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ “ตัวจริงเสียงจริง” โดยโฟกัสไปที่กระทรวงการคลัง พาณิชย์ และพลังงาน ซึ่งถูกจับตามองว่าเป็น “คีย์แมน” สำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุนและเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อ
โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หญิงแกร่งดีกรี IBM–THCOM–DUSIT ที่ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ "รมว.พาณิชย์" ครั้งแรก สะกดสายตานักลงทุนทั้งใน–นอกประเทศ
สะท้อนชัดว่า “การเมืองไทยครั้งนี้ไม่เล่นของเก่า” แต่จัดเต็มด้วยมืออาชีพพร้อมดันเศรษฐกิจทะยาน ขณะที่นโยบาย Quick Win อย่าง “คนละครึ่ง” เตรียมอัดเงินเข้าระบบ ดันกำลังซื้อกลับมาโหมไฟ ตลาดหุ้นไทยจึงไม่ใช่แค่ “รอด” แต่กำลังจะ “แรง” จนใครพลาด มีสิทธิ์หลุดขบวน!
ทีมใหม่...ฟื้นเชื่อมั่น!
บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองประเด็นเกี่ยวเนื่องจากการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ คือ ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญใน ครม. เบื้องต้น พบว่า ในกระทรวงสำคัญๆ ต่อเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน อิงความรู้ ความเชี่ยวชาญ
"เราประเมินน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อให้กับตลาดได้"
ขณะที่ล่าสุด คือ ฝั่งกระทรวงพาณิชย์ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท IBM ในประเทศไทยและต่อมาขึ้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของแผนกบริการเทคโนโลยีระดับโลกของ IBM ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ THCOM และ DUSIT ในปัจจุบัน
ฝ่ายวิเคราะห์มองบวกต่อการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนนอกที่มีความรู้และประสบการณ์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 4 เดือนที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงรอยต่อ โดยฝั่งคุณศุภจีเป็นอดีตผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำที่มีประสบการณ์และความสามารถเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติผสาน ประสบการณ์ในธุรกิจเทคโนโลยีและภาคบริการ
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดความเชื่อมั่นต่างประเทศที่มีบุคคลที่ได้รับการยอมรับ คาดสามารถสร้างความเชื่อมั่นการค้าภายใน บวกกลุ่มภาคบริการ, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, โรงพยาบาล รวมถึงการค้าระหว่างประเทศ, อาหาร, ชิ้นส่วนฯ รวมถึงโอกาสบรรลุข้อตกลง FTA ส่งเสริมการค้าลดผลกระทบภาษีสหรัฐฯ
รวมถึงดึงเม็ดเงินลงทุนทางตรงเพิ่มเติม โดยคาดประสบการณ์เทคโนโลยีที่จะช่วยเกิดภาพ New S-Curve อุตสาหกรรมใหม่ๆของไทย อาทิ Infra Tech, Semi-conductor
ติดตามนโยบาย Quick Win กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ 4 เดือน
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็น 1ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่ เน้นลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นกำลังซื้อ แก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบวกโดยตรงต่อภาคการบริโภคในประเทศ มีการเปิดเผยถึงนโยบายแรก คือ "คนละครึ่ง" นโยบายที่คนไทยรู้จัก มี Platform การใช้งานรองรับมีงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 2026 ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว คาดเริ่มใช้ได้ในตรมาส 4/68
หากอิงเงื่อนไขโครงการรอบก่อนเมื่อปี 2020-2022 แม้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย แต่ฝ่ายวิเคราะห์เห็นภาพรวม SSSG ของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคค่อยๆ ฟื้นตัวได้ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่งหากใช้ได้ทัน ต.ค.2568 จะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ให้กับผลประกอบการ เนื่องจากฐานไตรมาส 4/2567 มีเม็ดเงินจากโครงการแจกเงินหมื่นให้กลุ่มเปราะบาง หากปีนี้ไม่มีการกระตุ้นการบริโภคมาช่วยอาจทำให้ยอดขายอ่อนแอจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY)
มองข้ามไปช่วงครึ่งแรกปี2569 คาดงบดี โดยในไตรมาส 1 เม็ดเงินสะพัดช่วงหาเสียง ไตรมาส 2 โตจากฐานต่ำ ฝ่ายวิเคราะห์คาดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.จากหอการค้าไทยที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ยังอ่อนแอ คาดปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7แต่ไม่ใช่ประเด็นใหม่เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไทยขาดเสถียรภาพด้านการเมือง ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว มีโอกาสที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะเริ่มฟื้นตัวจากเดือนที่ผ่านมา(MoM)ได้ในระยะถัดไป
ส่วนความชัดเจนของการเลือกตั้งหากเกิดขึ้นในช่วงปลาย มี.ค.-เม.ย.2569 ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/69 ที่จะเริ่มมีเม็ดเงินจากกิจกรรมหาเสียงและความคาดหวังจากนโยบายใหม่ๆที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หนุนบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/69 มีโอกาสเติบโตเด่นจากฐานต่ำเพราะแผ่นดินไหว คนกังวลสงครามการค้า รวมถึงสภาพอากาศ
แม้แนวโน้มกำไรของกลุ่มในไตรมาส 3/68 ไม่เด่น เบื้องต้นประเมินลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ทรงตัว - ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่ในระยะกลางฝ่ายวิเคราะห์คาดความเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองจะทำให้กำลังซื้อฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับน้ำหนักลงทุนขึ้นเป็น “Overweight”
และ Roll-over ราคาเหมาะสมของกลุ่มไปเป็นสิ้นปี 2026 แม้ราคาหุ้นฟื้นตัวเด่นในช่วง 1 สัปดาห์ แต่ส่วนใหญ่ยังซื้อขายบน PER25-26 เทียบเท่า -1.5 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ถือว่าหุ้นไม่แพง
อีกทั้งเทียบต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD) COMM ลดลง -21% ยัง Laggard SET ที่ -10% เลือกหุ้นเด่น "บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL" ราคาเป้าหมาย 67 บาท ซื้อขายถูกสุดในกลุ่ม ผลประกอบการมี Upside จากการปรับขึ้นของ GPM มีโครงการซื้อหุ้นคืนจำกัด Downside
และ "บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO" ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท ราคาหุ้นฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มเหมาะสำหรับลงทุนระยะยาวและรับผลตอบแทนจากคาดการณ์เงินปันผลราว 5%ต่อปี


