posttoday

เทคออฟแรง! "THAI" เปิดเทรด 10.50 บาท ลุ้นกำไรกว่า 2 หมื่นล้าน

03 สิงหาคม 2568

"การบินไทย (THAI)" วอลุ่มทะลัก เปิดเทรดวันแรก แตะ 10.50 บาท หลังฟื้นฟูกิจการ 5 ปี โบรกฯมองเป้าหมายสูงสุด 10.70 บาท รับแผนขยายฝูงบิน–เส้นทาง–กำไรโตต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • "การบินไทย (THAI)" วอลุ่มทะลัก เปิดเทรดวันแรก 10.50 บาท หลังฟื้นฟูกิจการ 5 ปี
  • โบรกฯมองเป้าหมายสูงสุด 10.70 บาท รับแผนขยายฝูงบิน–เส้นทาง–กำไรโตต่อเนื่อง

ราคาหุ้น "บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI" กลับมาเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งแรกวันนี้ (4 ส.ค.2568) เปิดเทรดที่ราคา 10.50 บาท กระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา จากการประสบความสำเร็จในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการ พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็นบริษัทเอกชนที่พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน

ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน พร้อมทะยานสู่บทบาทหนี่งในผู้นำในอุตสาหกรรมการบินระดับภูมิภาค ตลอดจนการเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง 

ทั้งนี้ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายังคงหยุดพักการซื้อขาย THAI Futures ต่อไป เนื่องจากหลักทรัพย์ THAI ได้มีการหยุดพักการซื้อขายเป็นระยะเวลานานทำให้ไม่สามารถประเมินความผันผวนของราคาและสภาพคล่องในการซื้อขายซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการใช้หลักทรัพย์ THAI เป็นสินค้าอ้างอิงของ Single Stock Futures นั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงยังไม่กำหนดให้หลักทรัพย์ THAI เป็นหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้

เชียร์ซื้อ เป้า 10.70 บ.

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ประเมิน THAI จะได้ประโยชน์จากดีมานด์การเดินทางที่เพิ่มขึ้นตามภาพอุตสาหกรรมและจากแผนการเป็น Aviation Hub ของภาครัฐฯ การขยายเครือข่ายการบินจะหนุนให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นและรองรับการขยายฝูงบิน 

โดยคาดกำไรปกติปี 2568 ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน, ปี 2569 ที่ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และปี 2570 ทำได้ 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ 10.70 บาท อิง EV/EBITDA ที่ 7 เท่า

3 ประเด็นหนุน THAI 

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯหลังฟื้นฟูกิจการ 5ปี โดยมองประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.ปรับโฉมฝูงบิน หนุนการเติบโตระยะยาว: บริษัทมีแผนลดจำนวนแบบเครื่องบินจาก 8 รุ่น เหลือ 4 รุ่น และเครื่องยนต์จาก 9 แบบ เหลือ 5 แบบ เพื่อประหยัดต้นทุน และโดยวางเป้าหมายเพิ่มฝูงบินจาก 78 ลำ (สิ้น มี.ค.2025) เป็น 93 ลำในปี 2026 และ 137 ลำในปี 2029 เทียบเท่า CAGR ด้านกำลังการผลิต (ASK) ราว 14–17%

2.ขยายเส้นทางบิน รองรับดีมานด์ระยะยาว: แม้ปีนี้นักท่องเที่ยวจะชะลอ แต่ IATA คาดผู้โดยสารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโตเร็วที่สุดในโลกช่วงปี 2023–2043 (CAGR 5.1%) สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 3.8% THAI มีแผนเพิ่มจุดหมายปลายทางจาก 63 แห่งใน 27 ประเทศ ในไตรมาส 1/68 เป็น 94 แห่งในปี 2029 พร้อมมีพันธมิตร code-share เพิ่มจุดหมายปลายทางทางอ้อมเป็น 161 แห่ง

3.การเงินหลังฟื้นฟูแข็งแกร่ง: ต้นทุนลดลง ส่งผลให้พลิกจากขาดทุนหลัก 1.61 หมื่นล้านบาทในปี 2019 เป็นกำไรหลัก 2.15 หมื่นล้านบาทในปี 2024 และ IBD/E ลดจาก 12.5x (สิ้นปี 2019) เหลือ 2.2x (สิ้นมี.ค. 2025) และมีเงินสดในมือ 1.25 แสนล้านบาท ณ สิ้นมี.ค. 2025 ทำให้พร้อมทั้งชำระหนี้และลงทุนตามแผน CAPEX ปี 2025–29

ฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการและ Valuation เบื้องต้นเชิงกลยุทธ์ คาดกำไรหลักปี 2025 อยู่ในช่วง 1.8–2.5 หมื่นล้านบาท (±15% จากฐานปี 2024) โดยใช้วิธี PER 5–9 เท่า ให้กรอบมูลค่าพื้นฐานเบื้องต้นที่ 3.20-7.90 บาทต่อหุ้น หากอิง PER เทียบเคียงอุตสาหกรรมในประเทศ (8x) และภูมิภาค (9x) ได้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมในเชิงกลยุทธ์ อยู่ที่ 5.50–6.80 บาท มาร์เก็ตแคปประมาณ 1.55–1.94 แสนล้านบาท

เปิดแผน 5 ปี ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า THAI ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานหลายด้าน โดยเฉพาะการปรับปรุงฝูงบิน (ลดจำนวนแบบเครื่องบินให้เหลือ 4 แบบ เพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่) ปรับปรุงห้องโดยสาร และปรับกลยุทธ์เครือข่ายเส้นทางบิน (เน้นเส้นทางบินที่ทำกำไรสูง

รวมถึงร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในการใช้ประเทศไทยเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ) ทำให้ตัวชี้วัดประสิทธิภาพส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น อาทิ รายได้จากการดำเนินงาน, อัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization), อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor), รายได้เฉลี่ยต่อผู้โดยสาร (Passenger Yield) ฯลฯ

THAI วางแผนใช้เงินลงทุน (CAPEX) ราว 1.7 แสนล้านบาท ในปี 2568-2572 เพื่อจัดหาเครื่องบินใหม่ ปรับปรุงบริการและที่นั่งบนเครื่องบิน และทุนศูนย์ซ่อมเครื่องบิน โดยจะใช้เงินสดที่มี กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และยังไม่มีแผนกู้ยืมเพิ่มเติมจนถึงปี 2570

โดยตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 26% ในปี 2567 เป็น 35% ในปี 2572 เพิ่มจำนวนผู้โดยสารราวปีละ 16-17% และตั้งเป้าอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ราว 14-18% ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อพัฒนาการของบริษัทภายหลังการฟื้นฟูกิจการและการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68