posttoday

SCGP รุกหนักอาเซียน! ลุยลงทุนเวียดนาม-ใช้ AI กดต้นทุนต่ำ

29 กรกฎาคม 2568

บอสใหญ่ SCGP "วิชาญ จิตร์ภักดี" เดินเกมรุกครึ่งปีหลังขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตลาดอาเซียน รับดีมานด์เวียดนาม-อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์พุ่ง ใจป้ำปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท

KEY

POINTS

  • บอสใหญ่ SCGP "วิชาญ จิตร์ภักดี" เดินเกมรุกครึ่งปีหลังขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตลาดอาเซียน
  • รับดีมานด์เวียดนาม-อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์พุ่ง พร้อมยกระดับศักยภาพด้วย AI และ ESG
  • ใจป้ำปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน พร้อมหลีกหนีความปั่นป่วนจากภาษีทรัมป์ กลยุทธ์หนึ่งที่ยิ่งทำได้เร็วยิ่งดี นั่นคือ การเจาะตลาดกลุ่มอาเซียน

เชื่อหรือไม่ว่า... ตลาดอาเซียนแสดงสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะภาคการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น สร้างแรงหนุนให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กลับมาคึกคักอีกครั้ง

หนึ่งในผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ไม่พลาดโอกาสนี้คือ "บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP" สั่งเร่งขยายการลงทุนในอาเซียนแบบไม่หยุดพัก!

"วิชาญ จิตร์ภักดี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังคาดว่าอาเซียนจะมีความต้องการบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค จากการกระตุ้นเศรษฐกิจและคาดการณ์จีดีพีเติบโตสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงการเติมสต๊อกสินค้าในช่วงสิ้นปี 

ขณะที่ ต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) และค่าขนส่ง มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามความต้องการในภูมิภาคที่ปรับดีขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากมาตรการภาษีจากประเทศที่ยังไม่มีข้อสรุป

พร้อมขยายธุรกิจในกลุ่มที่มีศักยภาพเติบโตสูง ล่าสุดลงทุนเพิ่มใน Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation (Duy Tan) ประเทศเวียดนาม เพื่อเพิ่มโซลูชันและครบวงจร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดอาเซียนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและการแข่งขันในระยะยาว

"ตอนนี้ยังไม่มีแผนปรับลด EBITDA ปีนี้ลงจากเดิมตั้งเป้า 18,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำ 8,489 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษที่อินโดนีเซียมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องทำให้ผลงานที่ออกมาน่าจะใกล้เคียงเป้าหมาย ส่วนยอดขายทั้งปีอาจลดลง ด้วยราคาและยอดขายในจีนลดลง"

การรับมือมาตรการภาษี (Reciprocal Tariff) บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสหรัฐฯประมาณ 4%ของรายได้รวม ผ่านการส่งออกสินค้าเพื่อผู้บริโภค ทำให้มีผลกระทบจำกัด

SCGP รุกหนักอาเซียน! ลุยลงทุนเวียดนาม-ใช้ AI กดต้นทุนต่ำ

บริษัทเดินกลยุทธ์เชิงรุกเพิ่มการขายบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศในอาเซียน และส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย บังคลาเทศ ออสเตรเลีย เป็นต้น

พร้อมใช้จุดแข็งจากห่วงโซ่การผลิตที่ยืดหยุ่น ฐานการผลิตที่หลากหลายในอาเซียน ครอบคลุมพอร์ตสินค้าและโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่สามารถผสานการผลิตและวัตถุดิบ รวมถึงวางแผนร่วมกับลูกค้า และการพิจารณาการจ้างผลิต เพื่อให้ได้ต้นทุนที่แข่งขันได้ในแต่ละตลาด

SCGP เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและระบบ AI อย่างเป็นระบบ ยกระดับประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่การผลิต ลดต้นทุน และเสริมความยั่งยืนระยะยาว โดยใช้ระบบอัตโนมัติ เช่น Robotic Automation ลดข้อผิดพลาด, การประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ ฯลฯ ช่วยลดต้นทุนและสร้างมูลค่าทางธุรกิจรวม 120 ล้านบาทในครึ่งปีแรก

นอกจากนี้ บริษัทขับเคลื่อน ESG และเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามแนวทางความยั่งยืนในระดับสากล โดยได้รับรางวัล Platinumจาก EcoVadis ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อีกทั้งยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไปแล้วกว่า 169 ผลิตภัณฑ์ และ 16 กระบวนการ คิดเป็น 50% จากเป้าหมายครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาส 4/2568

กำไร Q2/68 ทำได้พันล้าน-ปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท

ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ภูมิภาคอาเซียนไตรมาส 2/2568 ได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศต่างๆที่เพิ่มขึ้น การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ

รวมถึงการเร่งส่งออกสินค้าของประเทศต่างๆ ไปยังสหรัฐอเมริกาก่อนถึงกำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตต่อเนื่อง

SCGP รุกหนักอาเซียน! ลุยลงทุนเวียดนาม-ใช้ AI กดต้นทุนต่ำ

SCGP วางกลยุทธ์เติบโตภายในประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการตลาดเชิงรุกผ่านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่งผลให้ปริมาณการขายสินค้ากลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร โดยเฉพาะในเวียดนามเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ราคาส่วนใหญ่ยังทรงตัว ส่วนกลุ่มธุรกิจเยื่อและกระดาษ ปริมาณการขายลดลงจากความต้องการที่ชะลอตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 

อีกทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยการใช้ AI และ Machine Learning ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยเฉพาะธุรกิจในอินโดนีเซียที่เริ่มนำ AI มาปรับใช้ และปรับสัดส่วนการใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มการใช้วัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ภายในประเทศ

และบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ EBITDA ถึงจุดคุ้มทุนตามเป้าหมายและส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 มีรายได้จากการขาย 31,557 ล้านบาท ลดลง 2% อิบิทดา 4,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% และกำไรสำหรับงวด 1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568

SCGP รุกหนักอาเซียน! ลุยลงทุนเวียดนาม-ใช้ AI กดต้นทุนต่ำ

คณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 อัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยขึ้น XD วันที่ 8 สิงหาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 และเตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 27 สิงหาคม 2568

ข่าวล่าสุด

ไทยสร้างไทยเปิดแคมเปญ Big Cleaning เดินหน้าล้างโกงทั่วประเทศ