posttoday

เปิดยุคใหม่ ธปท.! 'วิทัย รัตนากร'หนุนผ่อนคลายนโยบายการเงิน ชู 13 หุ้นเข้าเรดาร์ลงทุน

22 กรกฎาคม 2568

ครม. แต่งตั้ง "วิทัย รัตนากร" นั่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ หลังผ่านช่วงรอยต่อคาดเข้าสู่จุดไทยเร่งนโยบายการเงินผ่อนคลาย โบรกชี้ลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลังจุดพลุหุ้นไทย อานิสงส์ 7 กลุ่มอุตสาหกรรม 13 หุ้น เข้าเรดาร์ลงทุน

KEY

POINTS

  • ครม. แต่งตั้ง "วิทัย รัตนากร" นั่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ หลังผ่านช่วงรอยต่อคาดเข้าสู่จุดไทยเร่งนโยบายการเงินผ่อนคลาย
  • โบรกชี้ลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลังจุดพลุหุ้นไทย อานิสงส์ 7 กลุ่มอุตสาหกรรม 13 หุ้น เข้าเรดาร์ลงทุน

ในที่สุด! คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ โดยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 แทน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ที่ครบวาระ

การแต่งตั้งครั้งนี้ถูกจับตาในแวดวงการเงินการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่อาจนำไปสู่นโยบายการเงินผ่อนคลาย รองรับเศรษฐกิจไทยที่ยังเสี่ยงชะลอตัว โดยเฉพาะประเด็น "ดอกเบี้ยนโยบาย" ที่มีโอกาสลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง

ย้อนฟังวิสัยทัศน์! ทางออก "เศรษฐกิจไทย" สไตล์ "วิทัย รัตนากร"

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า การแต่งตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้นช่วยปลดล็อกความกังวลในช่วงที่ผ่านมาได้

ซึ่งตลาดคาดหวังว่าการขึ้นมาของผู้ว่าคนนี้จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายการเงินได้ง่ายขึ้น มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังด้วยภาพเศรษฐกิจยังเสี่ยงถดถอยจึงเป็นสัญญาณการลดดอกเบี้ยนโยบายน่าจะเกิดขึ้นได้

"ตลาดหุ้นไทยมีการเก็งกำไรตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องในช่วงวานนี้ที่กลุ่มหุ้นไฟแนนซ์มีการปรับตัวขึ้นบางส่วนจึงอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างที่เห็น ดัชนีปิดการซื้อขายในช่วงเช้านี้ (22ก.ค.68) ที่ 1,206.57 จุด ลดลง 1.56 จุด คิดเป็น -0.13% มูลค่าการซื้อขาย 24,390.36 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,213.24 จุด ลดลงต่ำสุด 1,201.91 จุด แต่โดยรวมถือว่าการมีผู้ว่าแบงก์ชาติชัดเจนทำให้นโยบายต่างๆชัดมากขึ้น"

สิ่งที่อยากเห็นจากผู้ว่า ธปท. คนใหม่ ?

ส่วนตัวอยากเห็นนโยบายการขับเคลื่อนทางการเงินที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ดูแย่ การแก้ปัญหาเรื่อง "หนี้" คนเป็นหนี้สูง แก้หนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งต้องแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด แม้จะแก้ยากและต้องใช้ระยะเวลา แต่อย่างน้อยคาดว่าจะมีมาตรการออกมาสนับสนุนหนี้ภาคครัวเรือนมากขึ้น 

อีกทั้งด้วยเศรษฐกิจเสี่ยงถดถอย ดังนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากปัจจุบัน 1.75% แม้อาจจะดูว่ามีช่องทางในการลดลงได้ไม่มากนักแต่สามารถทำได้ และเชื่อว่ามีโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยได้ 

ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทย โมเมนตัมตลาดยังมีความคาดหวังดีขึ้นด้วยดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจึงเกิดมุมมองเชิงบวกมากขึ้น เพียงแต่ตลาดยังมีประเด็นที่ต้องติดตามก็คือ "สงครามการค้า" ซึ่งหลายฝ่ายอาจมองภาษีสหรัฐฯในแง่ดีเกินไปที่ไทยจะโดนภาษี 18-20 % แต่ส่วนตัวมองกรอบภาษี 20-25% ถือว่าสมเหตุผลเพราะนโยบายที่ให้อเมริกาไม่ได้มากเหมือนเวียดนามและอินโดนีเซีย ดังนั้นต้องติดตามความชัดเจนต่อไป 

หลังจากจบประเด็นภาษีทรัมป์ นักลงทุนต้องดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) จากที่ดูงบกลุ่มแบงก์กำไรถือเซอร์ไรส์จึงต้องดูงบกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นว่ามีทิศทางที่ดีหรือไม่อย่างไร

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน ในช่วงที่ทุกประเด็นตอบรับทั้งหมด ความคาดหวังในเชิงบวกถือว่าฟื้นกลับมาบางส่วน ดัชนีหุ้นไทยแตะที่ระดับ 1,200 จุด พี/อี 14-15 เท่า ติดลบ 1.5 SD ตลาดหุ้นไทยระยะกลางมีโอกาสปรับขึ้นได้

แต่ด้วยดัชนีในช่วงสั้นปรับตัวขึ้นมาเร็วเกินไปอาจมีจังหวะย่อตัวลง เน้นสะสมหุ้นรับโอกาสลดดอกเบี้ยในอนาคต ดังนี้คือ

  • หุ้นโรงไฟฟ้า แนะนำ "บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF"
  • กลุ่มไฟแนนซ์ หากพิจารณาจากผลประกอบการที่อยู่เกณฑ์ดี แนะนำ "บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR" 
  • ธีม GLOBAL PLAY อาทิ โรงกลั่น แนะนำ "บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP" งบไตรมาส 2/68 ดีคาดทำได้ 5,000 ล้านบาท Valuation ถือว่าถูก 0.4 เท่าของมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ราคาเป้าหมาย 34 บาท
  • หุ้นใหญ่น่าสนใจ แนะนำหุ้น "บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC" งบไตรมาส 2/68 ดี

6 กลุ่มจ่อรับอานิสง์ลดดอกเบี้ย

นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าฝ่ายงานวิจัย บล.กรุงศรี กล่าวเช่นกันว่า การผ่านช่วงรอยต่อแต่งตั้งผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ หลังจากนี้คาดนำมาสู่การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย อิง

  • Real Yield (ดอกเบี้ยนโยบาย–เงินเฟ้อ) ที่เป็นบวกต่อเนื่อง 26 เดือน
  • เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนจากมาตรการการค้าสหรัฐฯ

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินน่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2 ครั้ง มุมมองดอกเบี้ยของตลาด ผ่านตลาดพันธบัตรล่าสุด TH Bond Yield 1 ปี อยู่ที่ 1.427% vs ดอกบี้ยนโยบาย 1.75% บ่งชี้ลดลงมากกว่า 1 ครั้ง

ทุกๆการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% จะบวกต่อดัชนีหุ้นไทยราว 50-55 จุด หนุนหุ้นในกลุ่มอิงดอกเบี้ยขาลง อาทิ โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield สื่อสาร, REITs และInfra Fund, อสังหา หนี้สูง

กลยุทธ์คาดความชัดเจนผู้ว่าแบงก์ชาติใหม่ น่าจะหนุนตลาดกลับมาให้น้ำหนักภาพขับเคลื่อนนโยบายการเงินของไทยระยะถัดไป กลยุทธ์ เน้นหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลงที่มีปัจจัยเสริม

  • กลุ่มโรงไฟฟ้า (เงินบาทแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ ต.ค.67) และ ก๊าซ NYMEX -6.7% เน้น GULF
  • High Yield
  • สื่อสาร เน้น ADVANC ที่เป็น Big Cap ที่สลับมานำตลาด
  • อสังหาฯ ที่ยัง Laggard : LH, SPALI
  • หุ้น REITS และ Infra Fund (Real Yield > 5%, สภาพคล่องสูง) : WHAIR, FTREIT, 3BBIF
  • กลุ่มหนี้สูง : เน้นกลุ่ม Laggard หุ้น SET50 อาทิ CPALL, KTC, MTC, SAWAD

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68