posttoday

“พีรนาถ โชควัฒนา” โผล่ถือ NUT เปิดเทรดวันแรกต่ำจองตัวแรกของปี 68

11 มิถุนายน 2568

NUT เปิดเทรด mai วันแรก 6.20 บาท ต่ำจอง 8.82% จากราคาไอพีโอ 6.80 บาท ตัวแรกของปี 68 พบ “พีรนาถ โชควัฒนา” เซียนหุ้น ถือหุ้นอันดับ 9 สัดส่วน 0.79%

KEY

POINTS

  • NUT เปิดเทรด mai วันแรก 6.20 บาท ลดลง 8.82% จากราคาไอพีโอ 6.80 บาท
  • NUT เป็นหุ้น IPO ตัวที่ 5 ของปี 68 แต่เป็นตัวแรกที่เปิดเทรดต่ำจอง
  • พบ “พีรนาถ โชควัฒนา” เซียนหุ้น ถือหุ้นอันดับ 9 สัดส่วน 0.79%
  • ภาพรวมตลาดหุ้นไทย YTD ร่วง 261.05 จุด หรือ 18.64% มาร์เก็ตแคปวูบ 3.3 ล้านล้านบาท  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำ กัด (มหาชน) หรือ NUT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (11 มิ.ย.2568) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเปิดที่ราคา 6.20 บาท ปรับลดลง 0.60 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.82% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.80 บาท 

ล่าสุด ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับลดลง 0.85 บาท หรือคิดเป็นลดลง 12.50% มาอยู่ที่ 5.95 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 180.49 ล้านบาท

“พีรนาถ โชควัฒนา” โผล่ถือ NUT เปิดเทรดวันแรกต่ำจองตัวแรกของปี 68

ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (YTD : Year to Date) มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 5 บริษัท เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใน mai ทั้งหมด 

โดย NUT ถือเป็นหุ้น IPO ตัวที่ 5 ของปี 2568 แต่เป็นตัวแรกที่เปิดการซื้อขายวันแรกต่ำกว่าราคาจองซื้อ

ส่วนหุ้น IPO อีก 4 ตัว ประกอบด้วย

บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS 

  • ราคา IPO 3.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 30.00% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 20.00% จากราคา IPO
  • ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 4.00 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO 

บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER

  • ราคา IPO 1.40 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 54.26% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 15.00% จากราคา IPO
  • ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 1.27 บาท ลดลง 9.29% จากราคา IPO  

 

บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH

  • ราคา IPO 5.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวัน 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.00% จากราคา IPO
  • ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 4.76 บาท ลดลง 4.80% จากราคา IPO 

บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA 

  • ราคา IPO 1.80 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 2.46 บาท เพิ่มขึ้น 36.67% จากราคา IPO
  • ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 1.55 บาท ลดลง 13.89% จากราคา IPO 

ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 10 มิ.ย.2568 (YTD) ปรับตัวลดลง 261.05 จุด หรือลดลง 18.64% จากสิ้นปี 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด มาปิดที่ 1,139.16 จุด เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา    

ทางด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 10 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 14,103,028.21 ล้านบาท หรือลดลง 3,330,725.24 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 17,433,753.45 ล้านบาท

ทั้งนี้ NUT ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์บริษัทหรือแบรนด์ร่วม และรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก 

NUT เสนอราคาขาย IPO ที่ 6.80 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 37,000,000 หุ้น คิดเป็น 30.83% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น (ถ้ามี)

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้

1. เงินทุนหมุนเวียนสำหรับ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิต Content (รูปแบบเนื้อหา) และการว่าจ้างพรีเซ็นเตอร์ และอิน ฟลูเอนเซอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลผิว

2.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 870.14 ล้านบาท 1,187.67 ล้านบาท และ 1,165.46 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 41.60 ล้านบาท 65.06 ล้านบาท และ 55.16 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 290.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 28.85 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น พบว่า นายพีรนาถ โชควัฒนา นักลงทุน ถือหุ้นอันดับ 9 จำนวน 948,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.79% 

ขณะที่ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า กำไรของ NUT ปี 2568 จะอยู่ที่ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากปีก่อน จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทย บริษัทโดดเด่นด้านความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมการผลิต และมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทยยังคงอยู่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทมีจุดแข็งจากแผนการในอนาคต โดยนำเสนอสินค้าในรูปแบบออฟไลน์มากขึ้น เช่น ร้านขายยา และยังคงรูปแบบการนำเสนอสินค้าแบบออนไลน์ ประกอบกับแผนการพัฒนาสินค้าใหม่ 

ทั้งนี้ อ้างอิงค่า P/E ที่ระดับ -0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งอยู่ที่ 15.79 เท่า โดยพิจารณาจาก P/E ของ MEGA (บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน) บนประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2568 ที่ 0.86 บาท/หุ้น ให้ราคาพื้นฐาน NUT ที่ 14.00 บาท