“พีรนาถ โชควัฒนา” โผล่ถือ NUT เปิดเทรดวันแรกต่ำจองตัวแรกของปี 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำ กัด (มหาชน) หรือ NUT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (11 มิ.ย.2568) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเปิดที่ราคา 6.20 บาท ปรับลดลง 0.60 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.82% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.80 บาท
ล่าสุด ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับลดลง 0.85 บาท หรือคิดเป็นลดลง 12.50% มาอยู่ที่ 5.95 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 180.49 ล้านบาท
ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (YTD : Year to Date) มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 5 บริษัท เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใน mai ทั้งหมด
โดย NUT ถือเป็นหุ้น IPO ตัวที่ 5 ของปี 2568 แต่เป็นตัวแรกที่เปิดการซื้อขายวันแรกต่ำกว่าราคาจองซื้อ
ส่วนหุ้น IPO อีก 4 ตัว ประกอบด้วย
บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS
- ราคา IPO 3.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 30.00% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 20.00% จากราคา IPO
- ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 4.00 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO
บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER
- ราคา IPO 1.40 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 54.26% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 15.00% จากราคา IPO
- ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 1.27 บาท ลดลง 9.29% จากราคา IPO
บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH
- ราคา IPO 5.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวัน 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.00% จากราคา IPO
- ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 4.76 บาท ลดลง 4.80% จากราคา IPO
บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA
- ราคา IPO 1.80 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 2.46 บาท เพิ่มขึ้น 36.67% จากราคา IPO
- ปิดช่วงเช้า 11 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 1.55 บาท ลดลง 13.89% จากราคา IPO
ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 10 มิ.ย.2568 (YTD) ปรับตัวลดลง 261.05 จุด หรือลดลง 18.64% จากสิ้นปี 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด มาปิดที่ 1,139.16 จุด เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา
ทางด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 10 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 14,103,028.21 ล้านบาท หรือลดลง 3,330,725.24 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 17,433,753.45 ล้านบาท
ทั้งนี้ NUT ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์บริษัทหรือแบรนด์ร่วม และรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก
NUT เสนอราคาขาย IPO ที่ 6.80 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 37,000,000 หุ้น คิดเป็น 30.83% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น (ถ้ามี)
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
1. เงินทุนหมุนเวียนสำหรับ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิต Content (รูปแบบเนื้อหา) และการว่าจ้างพรีเซ็นเตอร์ และอิน ฟลูเอนเซอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลผิว
2.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 870.14 ล้านบาท 1,187.67 ล้านบาท และ 1,165.46 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 41.60 ล้านบาท 65.06 ล้านบาท และ 55.16 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 290.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 28.85 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น พบว่า นายพีรนาถ โชควัฒนา นักลงทุน ถือหุ้นอันดับ 9 จำนวน 948,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.79%
ขณะที่ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า กำไรของ NUT ปี 2568 จะอยู่ที่ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากปีก่อน จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทย บริษัทโดดเด่นด้านความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมการผลิต และมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทยยังคงอยู่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทมีจุดแข็งจากแผนการในอนาคต โดยนำเสนอสินค้าในรูปแบบออฟไลน์มากขึ้น เช่น ร้านขายยา และยังคงรูปแบบการนำเสนอสินค้าแบบออนไลน์ ประกอบกับแผนการพัฒนาสินค้าใหม่
ทั้งนี้ อ้างอิงค่า P/E ที่ระดับ -0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งอยู่ที่ 15.79 เท่า โดยพิจารณาจาก P/E ของ MEGA (บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน) บนประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2568 ที่ 0.86 บาท/หุ้น ให้ราคาพื้นฐาน NUT ที่ 14.00 บาท